สีเสื้อมงคล ประจำวัน เสริมดวงปี 2567

Colour 1

สีมงคลเป็นสีที่ส่งเสริมให้เกิดความโชคดี ความสุข ความเจริญ และความสำเร็จในชีวิต ซึ่งสีมงคลของแต่ละปีนั้นจะแตกต่างกันออกไป โดยขึ้นอยู่กับหลักโหราศาสตร์และความเชื่อของแต่ละวัฒนธรรม

สำหรับปี 2567 นี้ สีมงคลตามวันเกิด ได้แก่

  • วันอาทิตย์ สีมงคล ได้แก่ สีเหลือง สีทอง
  • วันจันทร์ สีมงคล ได้แก่ สีขาว สีเงิน
  • วันอังคาร สีมงคล ได้แก่ สีแดง สีชมพู
  • วันพุธ สีมงคล ได้แก่ สีเขียว สีฟ้า
  • วันพฤหัสบดี สีมงคล ได้แก่ สีม่วง สีน้ำตาล
  • วันศุกร์ สีมงคล ได้แก่ สีน้ำเงิน สีเขียว
  • วันเสาร์ สีมงคล ได้แก่ สีส้ม สีดำ

การใช้สีมงคลในชีวิตประจำวัน เช่น การสวมใส่เสื้อผ้า การตกแต่งบ้าน หรือการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นสีมงคล จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความโชคดี ความสุข ความเจริญ และความสำเร็จในชีวิตได้มากยิ่งขึ้น

สีมงคล 2567 ประ จํา วันเกิด

สีเสื้อมงคล ประจำวัน เสริมดวงปี 2567/ 2024

สีเสื้อมงคล วันอาทิตย์

สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีแดงทุกโทน
สีเสริมดวงงาน : สีชมพูอ่อน
สีนำโชค : สีเขียวใบไม้
สีให้โชคลาภเงินทอง : สีดำสนิท สีเทาดำ
สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีบลอนด์เงิน สีบลอนด์ทอง
สีฉุดดวง : สีน้ำเงินเข้ม

สีเสื้อมงคล วันจันทร์

สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีขาวบริสุทธิ์ สีครีมอ่อน
สีเสริมดวงงาน : สีเขียวแก่
สีนำโชค : สีดำสนิท สีเทาดำ สีม่วงอ่อน
สีให้โชคลาภเงินทอง : สีส้มสว่าง สีน้ำตาลอ่อน
สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีฟ้ายีนส์
สีฉุดดวง : สีแดงเลือดนก

Colour 1
สีเสื้อมงคล ประจำวัน 2567/2024 หมอไก่ พ.พาทินี

สีเสื้อมงคล วันอังคาร

สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีชมพูกลีบบัว
สีเสริมดวงงาน : สีม่วงลาเวนเดอร์ สีเทาดำ
สีนำโชค : สีส้มสว่าง สีน้ำตาลอ่อน
สีให้โชคลาภเงินทอง : สีบลอนด์เงิน สีบลอนด์ทอง
สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีแดงเลือดหมู
สีฉุดดวง : สีเหลืองสว่าง

สีเสื้อมงคล วันพุธ

สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีเขียวทุกโทน
สีเสริมดวงงาน : สีส้มสว่าง สีน้ำตาลอ่อน
สีนำโชค : สีบลอนด์เงิน สีบลอนด์ทอง
สีให้โชคลาภเงินทอง : สีฟ้าอ่อน สีน้ำเงินกรมท่า
สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีขาวบริสุทธิ์ สีครีมอ่อน
สีฉุดดวง : สีชมพูสด สีบานเย็น

สีเสื้อมงคล วันพฤหัสบดี

สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีส้มสว่าง สีน้ำตาลอ่อน
สีเสริมดวงงาน : สีฟ้าอ่อน
สีนำโชค : สีแดงทุกโทน
สีให้โชคลาภเงินทอง : สีเหลืองสว่าง สีครีมสะอาด
สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีเขียวทุกโทน
สีฉุดดวง : สีดำสนิท สีม่วงเข้ม

สีเสื้อมงคล วันศุกร์

สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีฟ้าสดใส สีน้ำเงินเข้ม
สีเสริมดวงงาน : สีเหลืองสว่าง สีขาวบริสุทธิ์
สีนำโชค : ชมพูอ่อน
สีให้โชคลาภเงินทอง : สีเขียวพาสเทล
สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีส้มสว่าง สีน้ำตาลอ่อน
สีฉุดดวง : สีบลอนด์เงิน สีน้ำตาลไหม้

สีเสื้อมงคล วันเสาร์

สีเสริมเมตตามหาเสน่ห์ : สีม่วงพาสเทล สีดำสนิท สีเทาดำเข้มๆ
สีเสริมดวงงาน: สีบลอนด์เงิน สีน้ำตาลไหม้
สีนำโชค : สีฟ้าสดใส สีน้ำเงินเข้ม
สีให้โชคลาภเงินทอง : สีแดงทุกโทน
สีที่ผู้ใหญ่เอ็นดู : สีชมพูกลีบบัว
สีฉุดดวง : สีเขียวเข้ม

หมายเหตุ : วัน หมายถึงวันปัจจุบันไม่ใช่วันเกิด

อย่างไรก็ตาม สีเสื้อมงคลเสริมดวงประจำวัน หมอไก่ เผยว่าหากสะดวกเป็นของใช้ ก็สามารถหยิบใส่เสริมเฮงได้เช่นกันนะคะ

ข้อมูล : หมอไก่ พ.พาทินี

สอนมือใหม่ปัดแก้มหกรูปแบบ 2567

Make Up 3

การปัดแก้มเป็นขั้นตอนสำคัญในการแต่งหน้าที่ช่วยเพิ่มสีสันและมิติให้กับใบหน้า มือใหม่หัดแต่งหน้าอาจไม่รู้ว่าจะปัดแก้มอย่างไรให้ดูดี วันนี้ผมจะมาสอนการปัดแก้มหกรูปแบบที่เหมาะสำหรับมือใหม่ แต่ละรูปแบบจะช่วยปรับโครงหน้าให้ดูสวยขึ้นได้

1. ปัดแก้มแบบสาวสไตล์ญี่ปุ่น

การปัดแก้มแบบสาวสไตล์ญี่ปุ่นเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่น ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนหวานและสดใส วิธีการปัดแก้มแบบนี้คือปัดแก้มแบบเบา ๆ บริเวณโหนกแก้มด้านนอก โดยเริ่มจากจุดสูงสุดของโหนกแก้ม ไล่ลงมาด้านข้าง และให้ปลายสีอ่อนกว่าช่วงต้นเล็กน้อย

2. ปัดแก้มแบบสาววัยใส

การปัดแก้มแบบสาววัยใสช่วยให้ใบหน้าดูน่ารักและสดใส วิธีการปัดแก้มแบบนี้คือปัดแก้มแบบกว้าง โดยเริ่มจากบริเวณใต้ตา ไล่ขึ้นไปด้านบนของโหนกแก้ม และลงมาถึงบริเวณมุมปาก และให้ปลายสีอ่อนกว่าช่วงต้นเล็กน้อย

@dazzleme.th วิธีปัดแก้มแต่ละแบบ มีผลมั้ยน้าา มาดูกันน ✨️🥰 #fyp #รีวิวบิวตี้ #tiktoklooks #howto #ฮาวทู #บลัช #blush #born2dazzle #dazzleme #แดซเซิลมี ♬ Chill Vibes – Tollan Kim

3. ปัดแก้มแบบยกกระชับแก้ม

การปัดแก้มแบบยกกระชับแก้มช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น วิธีการปัดแก้มแบบนี้คือปัดแก้มแบบวงกลม โดยเริ่มจากบริเวณโหนกแก้มด้านนอก ไล่ลงมาด้านข้าง และให้ปลายสีเข้มกว่าช่วงต้นเล็กน้อย

4. ปัดแก้มแบบถ่ายรูปขึ้นกล้อง

การปัดแก้มแบบถ่ายรูปขึ้นกล้องช่วยให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้น วิธีการปัดแก้มแบบนี้คือปัดแก้มแบบวงกลม โดยเริ่มจากบริเวณโหนกแก้มด้านนอก ไล่ลงมาด้านข้าง และให้ปลายสีอ่อนกว่าช่วงต้นเล็กน้อย

5. ปัดแก้มใต้ดวงตา

การปัดแก้มใต้ดวงตาช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนหวานและน่าสงสาร วิธีการปัดแก้มแบบนี้คือปัดแก้มบริเวณใต้ดวงตา โดยเริ่มจากบริเวณหางตา ไล่ลงมาด้านข้าง และให้ปลายสีอ่อนกว่าช่วงต้นเล็กน้อย

6. ปัดแก้มแบบย้อนแสง

การปัดแก้มแบบย้อนแสงช่วยให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้น วิธีการปัดแก้มแบบนี้คือปัดแก้มแบบเฉียง โดยเริ่มจากบริเวณโหนกแก้มด้านนอก ไล่ลงมาด้านข้าง และให้ปลายสีอ่อนกว่าช่วงต้นเล็กน้อย

Make Up 3

เทคนิคการปัดแก้มให้ดูดี

  • ใช้แปรงปัดแก้มที่มีขนนุ่มและฟู เพื่อช่วยให้สีกระจายตัวได้ดี
  • เลือกสีบลัชออนให้เหมาะกับสีผิวและโทนสีการแต่งหน้า
  • ปัดไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยเริ่มจากบริเวณโหนกแก้มด้านนอก ไล่ลงมาด้านข้าง
  • ลงสีเบา ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มสีทีละน้อยจนได้ระดับที่ต้องการ

สำหรับมือใหม่หัดแต่งหน้า ควรเลือกสีบลัชออนโทนสีอ่อน ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ ปรับสีให้เข้มขึ้นตามที่ต้องการ เมื่อชำนาญแล้วจึงค่อย ๆ ทดลองใช้สีบลัชออนโทนสีต่าง ๆ กัน

ลองฝึกฝนการปัดแก้มตามรูปแบบต่าง ๆ ที่ผมแนะนำไปนะครับ รับรองว่าจะทำให้คุณแต่งหน้าได้สวยขึ้นอย่างแน่นอน

tag

แต่งหน้ามือใหม่
แต่งหน้า 2567 
ติดเทรนด์
อายแชโดว์ 2024

 

ผสมแป้งฝุ่นใช้เองตามพี่สาวเกาหลี 2567

Pond 1

เทรนด์การผสมแป้งฝุ่นใช้เองกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่สาวเกาหลี โดยสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการนำแป้งฝุ่น Translucent ของ Pond’s มาผสมกับแป้งฝุ่นสูตรอื่น ๆ เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ต้องการ เช่น คุมมัน ปกปิด เบลอรูขุมขน หรือเพิ่มออร่า

**

สอนมือใหม่แต่งตาแบบนวลนัว 2567

ขั้นตอนการผสมแป้งฝุ่นใช้เอง

  1. เตรียมแป้งฝุ่นที่ต้องการผสม โดยควรเลือกแป้งฝุ่นที่มีเนื้อสัมผัสและคุณสมบัติใกล้เคียงกัน
  2. ตวงแป้งฝุ่นแต่ละสูตรตามต้องการ โดยสูตรที่นิยมคือ แป้งฝุ่น Translucent 70% และแป้งฝุ่นสูตรอื่น ๆ 30%
  3. เทแป้งฝุ่นทั้งสองสูตรลงในภาชนะที่สะอาด
  4. ใช้ไม้พายหรือมือผสมแป้งฝุ่นให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน
  5. เทแป้งฝุ่นที่ผสมแล้วลงในตลับแป้งที่เตรียมไว้

Pond 1

สูตรการผสมแป้งฝุ่น

  • สูตรคุมมัน
    • แป้งฝุ่น Translucent 70%
    • แป้งฝุ่น Oil Control & Anti Acne 30%
  • สูตรปกปิด
    • แป้งฝุ่น Translucent 60%
    • แป้งฝุ่น Perfect Radiance BB 40%
  • สูตรเบลอรูขุมขน
    • แป้งฝุ่น Translucent 70%
    • แป้งฝุ่น Instant Bright Tone Up Milk Powder 30%
  • สูตรเพิ่มออร่า
    • แป้งฝุ่น Translucent 60%
    • แป้งฝุ่น Luminous Glow 40%

คำแนะนำ

  • ควรเลือกแป้งฝุ่นที่มีส่วนผสมและคุณสมบัติที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง
  • ควรผสมแป้งฝุ่นในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรผสมแป้งฝุ่นมากเกินไป เพราะจะทำให้แป้งฝุ่นแห้งและจับตัวเป็นก้อนได้
  • ควรปิดฝาตลับแป้งให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อไม่ให้แป้งฝุ่นแห้งหรือเสื่อมสภาพ
@mynamemiee มาผสมแป้ง Pond’s ตามสไตล์สาวเกาหลีกันค่าา 🇰🇷✨ #แป้งPondsตัวแม่ ♬ เสียงต้นฉบับ – myname 🌈 – MyName

ผลลัพธ์

การผสมแป้งฝุ่นใช้เองจะช่วยให้ได้แป้งฝุ่นที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ โดยสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือสูตรคุมมัน ซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้าไม่มันเยิ้มระหว่างวัน สูตรปกปิดจะช่วยให้ปกปิดรอยสิวหรือจุดด่างดำบนใบหน้าได้ดี สูตรเบลอรูขุมขนจะช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง และสูตรเพิ่มออร่าจะช่วยให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่งมีออร่า

สำหรับสาว ๆ ที่อยากลองผสมแป้งฝุ่นใช้เอง สามารถหาซื้อแป้งฝุ่น Pond’s ได้ตามร้านค้าทั่วไป หรือทางออนไลน์

tag

ติดเทรนด์#รีวิวบิวตี้
งบน้อยก็ปังได้
สายฝอหรือสายเกา 2567
การแต่งหน้า#เทรนด์บิวตี้
ป้ายยาช้อปปิ้ง 2567

เปลี่ยนตาตกหลบในให้เฉี่ยวคมดูโต

Make Up 1

ใช้แค่เมคอัพก็เปลี่ยนตาตกหลบในให้เฉี่ยวคมดูโตโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ ทำได้ไม่เกินจริงเลยค่าาา สาวๆหลายคนที่ตาสองชั้นหลบใน หรือหนังตาเยอะหนังตาตกต้องเคยเจอปัญหากรีดตายังไงก็ไม่เป๊ะ ไม่คมใช่มั้ยคะช่าเองก็เคยประสบปัญหานั้นเหมือนกันค่า วันนี้ช่าเลยเอาวิธีแต่งตายังไงให้ดูโตดูเฉี่ยว มาฝากค่ะขั้นตอนก็ไม่ยากเลยยย

การแต่งหน้าสายฝอฉบับหน้ากลมตาตก 2567

วิธีเปลี่ยนตาตกให้ดูเฉี่ยวคม ดวงตาโต

  1. กรีดอายไลเนอร์แบบเส้นบางๆ โดยเริ่มจากหัวตาไปยังหางตา เน้นความคมและยกหางตาเล็กน้อยเพื่อสร้างลุคตาเฉี่ยว
  2. ใช้ดินสอเขียนขอบตาสีเข้ม เขียนขอบตาล่างให้ชิดกับแนวขนตาล่าง ลากยาวจากหัวตาไปยังหางตา ช่วยให้ดวงตาดูกลมโตยิ่งขึ้น
  3. ใช้อายแชโดว์สีอ่อน ทาทั่วเปลือกตาก่อนเพื่อเพิ่มความสว่างให้กับเปลือกตา แล้วใช้สีเข้มกว่าเกลี่ยบริเวณหางตาเพื่อสร้างมิติ
  4. กรีดอายไลเนอร์แบบอินเนอร์ไลน์ ด้วยดินสอเขียนขอบตาสีดำหรือน้ำตาลเข้ม โดยกรีดบริเวณขอบตาบนและล่างใกล้กับโคนขนตา ช่วยเน้นให้ดวงตาดูกลมโต
  5. ใช้มาสคาร่าปัดขนตาให้ยาวและหนา โดยเน้นที่ปลายขนตาให้ cong ให้ชี้อขึ้น เพื่อให้ดวงตาดูโดดเด่นขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น
  6. ติดขนตาปลอม สำหรับผู้ที่มีขนตาสั้นหรือบาง สามารถใช้ขนตาปลอมเพื่อเพิ่มความยาวและความหนาของขนตา ช่วยให้ดวงตาดูโตกลม และดึงดูดสายตามากขึ้น
  7. เล็มคิ้วให้เป็นทรงที่เหมาะกับรูปหน้า คิ้วเป็นกรอบของดวงตา การเล็มคิ้วให้เป็นทรงที่เหมาะกับรูปหน้า จะช่วยให้ดวงตาดูโดดเด่นและมีเสน่ห์มากขึ้น

Make Up 1

ทริคเล็กๆน้อย

ควรใช้ที่เขียนคิ้วสีเหมือนหรือใกล้เคียงกับสีผม จะช่วยให้ดูเข้าและเหมาะสม

แต่งตา ปัดแก้ม และทาลิป โดยใช้สีโทนเดียวกันจะช่วยให้หน้าเป๊ะ ดูเด็กลงและดูเรียบร้อยน่ามอง

@latikastudio01 ตาเฉี่ยวๆเติมน้ำตาลนิดหน่อย ก็ได้แล้วค่ะตาโตๆตาหวานๆ 🥰 #makeup #เมคอัพเปลี่ยนลุค #makeuphacks #makeuptutorial ♬ Write This Down (Instrumental) – SoulChef

เป็นยังไงกันบ้างคะไม่ยากเลยใช่มั้ยยยเพื่อนๆคนไหนลองแต่งแล้วเป็นยังไงมาคอมเม้นแลกเปลี่ยนกันได้ค่าา

tag

#ชั้นตาหลบใน#สอนแต่งตา#howtoแต่งตา#eyemakeup#การแต่งหน้า

การแต่งหน้าสายฝอฉบับหน้ากลมตาตก 2567

Round Face 20

การแต่งหน้าสายฝอเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะสำหรับสาวๆ หน้ากลมตาตก เพราะการแต่งหน้าสไตล์นี้จะช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวยาว คมชัด และน่ามองมากยิ่งขึ้น

ขั้นตอนการแต่งหน้า

  1. เตรียมผิว

เริ่มต้นด้วยการลงรองพื้นและคอนซีลเลอร์เพื่อปกปิดรอยคล้ำใต้ตาและจุดด่างดำ จากนั้นเซ็ตด้วยแป้งฝุ่นเพื่อล็อกเครื่องสำอางให้ติดทนนาน

  1. คิ้ว

สำหรับสาวๆ หน้ากลมตาตก ควรเขียนคิ้วให้ดูคมชัดและเรียงเส้นสวย โดยเริ่มจากวาดเส้นโครงคิ้วเส้นล่างก่อน จากนั้นใช้ดินสอเขียนคิ้วระบายส่วนที่ว่างให้เต็ม วาดโครงคิ้วเส้นบนลากให้มาบรรจบกับเส้นล่าง ใช้แปรงหัวเรียวจุ่มคอนซีลเลอร์เก็บขอบคิ้วให้คม

Round Face 20

  1. ดวงตา

ใช้อายแชโดว์โทนสีน้ำตาลอ่อนทาทั่วเปลือกตา จากนั้นใช้อายแชโดว์โทนสีน้ำตาลเข้มทาบริเวณขอบตาด้านนอกและโคนขนตาล่าง ลากเส้นอายไลเนอร์ให้คมชัดและยาวขึ้น ติดขนตาปลอมเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับดวงตา

  1. แก้ม

ใช้บลัชออนโทนสีพีชหรือชมพูอ่อนปัดบริเวณโหนกแก้มให้ดูมีมิติ

  1. ปาก

ใช้ลิปสติกโทนสีชมพูนู้ดหรือสีคอรัลทาให้ทั่วริมฝีปาก

เทคนิคการแต่งหน้า

  • ใช้คอนทัวร์บริเวณกรอบหน้าและสันจมูกเพื่อช่วยลดความกลมให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้น
  • ปัดดาบแก้มเฉียงขึ้นไปตามโหนกแก้มเพื่อเน้นให้ใบหน้าดูมีมิติ
  • ทาอายไลเนอร์ให้ปลายหางยาวขึ้นและโค้งขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ดวงตาดูเฉี่ยวคม
  • ติดขนตาปลอมแบบเส้นบางๆ จะช่วยทำให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น
  • เลือกลิปสติกโทนสีอ่อนๆ เพื่อทำให้ใบหน้าดูซอฟต์ลง

ตัวอย่างการแต่งหน้า

สำหรับตัวอย่างการแต่งหน้าสายฝอฉบับหน้ากลมตาตก สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้

  1. เตรียมผิว

ลงรองพื้นเนื้อแมทท์ที่ปกปิดขั้นสุด จากนั้นเซ็ตด้วยแป้งฝุ่น

  1. คิ้ว

ใช้ดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาลเข้มเขียนโครงคิ้วให้คมชัด จากนั้นใช้แปรงปัดคิ้วจัดแต่งทรงคิ้วให้เรียงเส้นสวย

  1. ดวงตา

ใช้อายแชโดว์โทนสีน้ำตาลอ่อนทาทั่วเปลือกตา จากนั้นใช้อายแชโดว์โทนสีน้ำตาลเข้มทาบริเวณขอบตาด้านนอกและโคนขนตาล่าง ลากเส้นอายไลเนอร์ให้คมชัดและยาวขึ้น ติดขนตาปลอมแบบเส้นบางๆ

  1. แก้ม

ใช้บลัชออนโทนสีพีชปัดบริเวณโหนกแก้มให้ดูมีมิติ

  1. ปาก

ใช้ลิปสติกโทนสีชมพูนู้ดทาให้ทั่วริมฝีปาก

Tips

  • เลือกใช้เครื่องสำอางที่มีเนื้อบางเบา ไม่หนักหน้า เพื่อให้ใบหน้าดูไม่หนาและดูเป็นธรรมชาติ
  • เลือกเฉดสีเครื่องสำอางให้เข้ากับโทนสีผิว เพื่อให้ใบหน้าดูสว่างสดใส
  • ฝึกฝนการแต่งหน้าบ่อยๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญและสามารถแต่งหน้าได้สวยอย่างที่ต้องการ

หวังว่าเทคนิคการแต่งหน้าสายฝอฉบับหน้ากลมตาตกนี้ จะช่วยทำให้สาวๆ หน้ากลมตาตกได้แต่งหน้าออกมาสวยคม เฉี่ยวตาแตกได้มากยิ่งขึ้นนะคะ

tag

 

สอนมือใหม่แต่งตาแบบนวลนัว 2567

สอนมือใหม่แต่งตาแบบนวลนัว

สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้จะมาสอนสาวที่เพิ่งหัดแต่งหน้ามือใหม่เขียนอายไลน์เนอร์และตกแต่งดวงตาให้สวยคม เหมือนฟิลเตอร์สาวเกาหลีแบบนวลนัวกันนะคะ เลิศไปเลอออ

**

เทคนิคกรีดอายไลเนอร์มือใหม่ แบบละเอียด 2567/ 2024

1. เลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว

การเริ่มต้นแต่งตาแบบนวลนัวคือการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยบำรุงและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวรอบดวงตา เพื่อให้ผิวดูสดชื่นและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

2. ลงคอนซีลเลอร์เพื่อปกปิดจุดด่างดำ

ก่อนลงอายแชโดว์ ให้ใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดจุดด่างดำและรอยคล้ำใต้ตา เพื่อให้สีอายแชโดว์ดูชัดเจนและติดทนนานยิ่งขึ้น

@byeolbich_xe สอนมือใหม่แต่งตาแบบนวลนัว💅🫦 #สอนแต่งหน้า #สอนแต่งตาแบบง่ายๆ #อายแชโดว์ #แต่งตา #สอนแต่งตา #อายแชโดว์odbo ♬ original sound – lucy

3. เลือกใช้โทนสีอายแชโดว์แบบนวลนัว

การแต่งตาแบบนวลนัวควรเลือกใช้โทนสีอายแชโดว์ที่ดูเป็นธรรมชาติและละมุน เช่น สีชมพูอ่อน สีน้ำตาล สีส้มอ่อน และสีทอง ซึ่งจะช่วยสร้างลุคที่ดูนุ่มนวลและไม่ฉูดฉาดจนเกินไป

4. เบลนด์อายแชโดว์ให้เข้ากันอย่างดี

หลังจากลงอายแชโดว์แล้ว ให้ใช้แปรงเบลนด์อายแชโดว์เพื่อเกลี่ยสีให้เข้ากันอย่างดี เพื่อให้ลุคที่ดูละมุนและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

5. เขียนอายไลเนอร์แบบบาง

สำหรับการเขียนอายไลเนอร์ ให้ใช้ดินสอเขียนแบบบางเพื่อสร้างเส้นที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่หนาจนเกินไป เน้นเขียนเฉพาะขอบตาบน โดยเขียนให้ชิดโคนขนตามากที่สุด เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ

6. ดัดขนตาและปัดมาสคาร่า

หลังจากเขียนอายไลเนอร์แล้ว ให้ใช้ที่ดัดขนตาเพื่อยกขนตาให้ดูงอนเด้ง พร้อมปัดมาสคาร่าเพื่อเพิ่มความหนาและยาวให้กับขนตา โดยเน้นปัดขนตาด้านบนและล่างให้หนาและยาวเท่ากัน

7. เพิ่มไฮไลต์และกรีดอายไลเนอร์หัวตา

หากต้องการเพิ่มความละมุนและสว่างสดใสให้กับดวงตา ให้ใช้ไฮไลต์แตะบริเวณหัวตาและโหนกคิ้ว เพื่อช่วยเบลนด์สีอายแชโดว์ให้ดูกลมกลืนกัน นอกจากนี้ยังสามารถกรีดอายไลเนอร์หัวตาเพื่อสร้างมิติและความคมชัดให้กับดวงตาอีกด้วย

สอนมือใหม่แต่งตาแบบนวลนัว

8. ติดขนตาปลอมและปัดขนคิ้ว

สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความหนาและยาวให้กับขนตา สามารถเลือกติดขนตาปลอมได้ โดยเน้นเลือกขนตาปลอมที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่หนาและยาวจนเกินไป นอกจากนี้ยังต้องปัดขนคิ้วให้เข้ารูปเพื่อให้ใบหน้าดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

tag

#สอนแต่งหน้ามือใหม่
#ปกปิด
#ใต้ตาดำ 2568
#แต่งตาเกาหลี
#ตาบวม 2024
#มือใหม่หัดแต่ง
#ซื้อซ้ำวนไป
#ติดเทรนด์ 2567
#สอนแต่งหน้าตัวเอง
#แต่งหน้าธรรมชาติ

เทคนิคกรีดอายไลเนอร์มือใหม่ แบบละเอียด 2567/ 2024

เทคนิคกรีดอายไลเนอร์มือใหม่ แบบละเอียด

การกรีดอายไลเนอร์เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการแต่งหน้า เพราะสามารถช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับดวงตาได้ แต่สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นชินกับการกรีดอายไลเนอร์อาจเป็นเรื่องยากและทำให้รู้สึกท้อแท้ได้ เทคนิคง่ายๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณกรีดอายไลเนอร์ได้อย่างง่ายดายและสวยงาม

4 ท่าบริหารกับ 1 วิธีสุดล้ำ ทำให้หน้าอกสวยเข้ารูป 2567/ 2024

1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม

ก่อนอื่น คุณต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อุปกรณ์ที่ใช้ในการกรีดอายไลเนอร์มีดังนี้

  • อายไลเนอร์ มีหลายรูปแบบให้เลือก เช่น ดินสอ เจล น้ำ เลือกแบบที่ชอบและถนัด
  • กระจก จะช่วยให้คุณมองเห็นเส้นอายไลเนอร์ได้ชัดเจน
  • ไม้จิ้มฟัน ไว้ใช้แก้ไขเส้นอายไลเนอร์

2. ฝึกกรีดตามแนวเส้นขอบตา

เริ่มต้นด้วยการกรีดตามแนวเส้นขอบตา โดยเริ่มจากบริเวณหัวตาก่อน จากนั้นกรีดตามแนวเส้นขอบตาไปเรื่อยๆ จนสุดหางตา พยายามกรีดให้เส้นเรียบเนียนเท่ากันทั้งสองข้าง

เทคนิคกรีดอายไลเนอร์มือใหม่ แบบละเอียด

3. กรีดหางตาให้เฉี่ยวขึ้น

หากต้องการเพิ่มความเฉี่ยวให้กับดวงตา ให้กรีดหางตาให้เฉียงขึ้นเล็กน้อย โดยเริ่มกรีดจากบริเวณหางตาแล้วค่อยๆ กรีดขึ้นไปยังหัวตา พยายามกรีดให้เส้นเรียวเล็กและคมชัด

@krubow.lifestudio #สอนกรีดไลเนอร์ #ช่างแต่งหน้าเจ้าสาว #รีวิวบิ้วตี้ #wedding #มือใหม่หัดกรีดอายไลเนอร์ ♬ suara asli – Procreate | Digital Art

4. เติมเต็มเส้นอายไลเนอร์

เมื่อกรีดเส้นอายไลเนอร์เรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ไม้จิ้มฟันเติมเต็มเส้นที่ขาดหรือเลอะให้เรียบร้อย

5. เซ็ตอายไลเนอร์ให้ติดทน

เมื่อกรีดอายไลเนอร์เรียบร้อยแล้ว ให้ใช้มาสคาร่าปัดขนตาให้งอนงาม จากนั้นใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลอ่อนหรือสีดำทาทับเส้นอายไลเนอร์อีกครั้ง จะช่วยให้อายไลเนอร์ติดทนนานขึ้น

Howto ปัดแก้มยังไงให้เหมาะกับรูปทรงหน้าของเราาาาา 2567

เทคนิคอื่นๆ ที่จะช่วยให้การกรีดอายไลเนอร์ง่ายขึ้น

  • เลือกใช้อายไลเนอร์แบบกันน้ำหรือกันเหงื่อ เพราะจะช่วยให้อายไลเนอร์ติดทนนานและไม่เลอะระหว่างวัน
  • กรีดอายไลเนอร์ในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ จะช่วยให้มองเห็นเส้นอายไลเนอร์ได้ชัดเจน
  • ฝึกกรีดอายไลเนอร์บ่อยๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญ

ตัวอย่างการกรีดอายไลเนอร์

  • การกรีดอายไลเนอร์แบบ Cat Eye เป็นที่นิยมมากที่สุด ช่วยให้ดวงตาดูเฉี่ยวและเซ็กซี่
  • การกรีดอายไลเนอร์แบบสโมคกี้อาย ให้ลุคที่ดูลึกลับและน่าค้นหา
  • การกรีดอายไลเนอร์แบบธรรมชาติ ให้ลุคที่ดูเรียบเนียนและสดใส

หวังว่าเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณกรีดอายไลเนอร์ได้อย่างสวยงามและน่าประทับใจนะคะ

tags

 

4 ท่าบริหารกับ 1 วิธีสุดล้ำ ทำให้หน้าอกสวยเข้ารูป 2567/ 2024

4 ท่าบริหารกับ 1 วิธีสุดล้ำ ทำให้หน้าอกสวยเข้ารูป

หน้าอกเป็นอวัยวะที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อและไขมันเป็นหลัก กล้ามเนื้อหน้าอกทำหน้าที่ในการดันหน้าอกให้สูงขึ้นและเต่งตึง ส่วนไขมันหน้าอกทำหน้าที่ในการเติมเต็มหน้าอกให้ดูอวบอิ่ม

viên uống nở ngực Nhật Bản

การออกกำลังกายเพื่อกระชับหน้าอกจะช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าอกแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้หน้าอกสูงขึ้นและเต่งตึงขึ้น นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยเผาผลาญไขมันหน้าอกส่วนเกิน ทำให้หน้าอกดูกระชับขึ้นอีกด้วย

4 ท่าบริหารกับ 1 วิธีสุดล้ำ ทำให้หน้าอกสวยเข้ารูป

ท่าบริหารหน้าอกที่แนะนำมีดังนี้

ท่า 1 ดันอก (Push-up)

ท่านี้ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าอกส่วนบนและกลาง

  1. เริ่มต้นด้วยการนอนคว่ำหน้า วางมือทั้งสองข้างห่างกันเท่ากับช่วงไหล่
  2. ค่อย ๆ ดันตัวขึ้นจนแขนเหยียดตรง ลำตัวเหยียดตรง
  3. ค่อย ๆ ลดตัวลงจนหน้าอกแตะพื้น
  4. ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง

ท่า 2 ยกดัมเบล (Dumbbell fly)

ท่านี้ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าอกส่วนบนและกลาง

  1. เริ่มต้นด้วยการนอนหงาย ยกดัมเบลทั้งสองข้างขึ้นเหนือหน้าอก
  2. ค่อย ๆ กางแขนออกด้านข้างจนดัมเบลขนานกับพื้น
  3. ค่อย ๆ ลดดัมเบลลงกลับมาท่าเริ่มต้น
  4. ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง

ท่า 3 ดึงข้อ (Pull-up)

ท่านี้ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าอกส่วนบนและหลัง

  1. เริ่มต้นด้วยการจับราวโหนด้วยมือทั้งสองข้าง กว้างเท่ากับช่วงไหล่
  2. ค่อย ๆ ดึงตัวขึ้นจนคางอยู่เหนือราวโหน
  3. ค่อย ๆ ลดตัวลงกลับมาท่าเริ่มต้น
  4. ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง

ท่า 4 ท่าคล้องแขน (Chest fly)

ท่านี้ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าอกส่วนบนและกลาง

  1. เริ่มต้นด้วยการยืนตรง กางแขนออกด้านข้าง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหน้าอก
  2. ค่อย ๆ กางแขนออกด้านข้างจนดัมเบลขนานกับพื้น
  3. ค่อย ๆ ลดดัมเบลลงกลับมาท่าเริ่มต้น
  4. ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง

วิธีสุดล้ำที่ทำให้หน้าอกสวยเข้ารูป

นอกจากการออกกำลังกายแล้ว ยังมีวิธีสุดล้ำอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้หน้าอกสวยเข้ารูป นั่นก็คือการนวดหน้าอก

การนวดหน้าอกจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองบริเวณหน้าอก ส่งผลให้กล้ามเนื้อหน้าอกแข็งแรงขึ้น ไขมันหน้าอกส่วนเกินถูกเผาผลาญ และหน้าอกดูกระชับขึ้น

เทคนิคการนวดหน้าอกมีดังนี้

  1. เริ่มต้นด้วยการทาน้ำมันหรือโลชั่นที่หน้าอก
  2. ค่อย ๆ ลูบไล้หน้าอกเป็นวงกลมจากด้านนอกเข้าด้านใน
  3. เน้นบริเวณใต้ราวนมและรักแร้
  4. นวดประมาณ 10-15 นาที

ควรนวดหน้าอกเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้หน้าอกสวยเข้ารูปและกระชับขึ้น

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ของการออกกำลังกายและนวดหน้าอกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น พันธุกรรม น้ำหนักตัว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และวินัยในการนวดหน้าอก

tag

#ออกกำลังกายลดน้ำหนัก
#ออกกําลังกาย
#ออกกำลัง
#สอนออกกำลังกาย 2567
#ออกกําลังกายง่ายๆได้ที่บ้าน
#อกสวย 2024
#ติดเทรนด์
#เสื้อใน
#เสื้อในไร้โครง

Howto ปัดแก้มยังไงให้เหมาะกับรูปทรงหน้าของเราาาาา 2567

Howto ปัดแก้มยังไงให้เหมาะกับรูปทรงหน้าของเราาาาา

ปัดแก้มยังไงให้เหมาะกับรูปทรงหน้าของเรา

การปัดแก้มให้เหมาะกับรูปทรงหน้าของเรานั้น จะช่วยให้ใบหน้าของเราดูสวยและสมส่วนมากยิ่งขึ้น โดยวิธีการปัดแก้มให้เหมาะกับรูปทรงหน้า มีดังนี้

1. หน้ารูปไข่ (Oval)

รูปหน้ารูปไข่เป็นรูปหน้าที่สวยที่สุดอยู่แล้ว เพราะเป็นรูปหน้าที่สมส่วน จึงไม่ต้องการการปรับแต่งอะไรมากนัก เพียงแค่ปัดแก้มให้เน้นบริเวณโหนกแก้ม จะทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้น

Howto ปัดแก้มยังไงให้เหมาะกับรูปทรงหน้าของเราาาาา

[Image of ปัดแก้มรูปหน้ารูปไข่]

2. หน้ารูปทรงกลม (Round)

รูปหน้าทรงกลมนั้น มีสัดส่วนความกว้างและความสูงใกล้เคียงกัน จึงทำให้ใบหน้าดูอวบอิ่ม วิธีการปัดแก้มให้เหมาะกับรูปหน้าทรงกลม คือการปัดแก้มแบบเฉียงขึ้นจากโหนกแก้ม จะช่วยทำให้ใบหน้าดูยาวขึ้น

@ig.karnnavaz พอรู้รูปหน้าตัวเองการแต่งหน้าก็ง่ายขึ้น! ประหยัดเวลาลองผิดลองถูกไปได้เยอะเลยยย 💖🧏🏻‍♀️✨@Lemon8 TH #Lemon8FaceShape #Lemon8Thailand #Lemon8 ♬ เสียงต้นฉบับ – KARINA (珊珊)

3. หน้ารูปสี่เหลี่ยม (Square)

รูปหน้ารูปสี่เหลี่ยมนั้น มีมุมเหลี่ยมที่เด่นชัด วิธีการปัดแก้มให้เหมาะกับรูปหน้าทรงสี่เหลี่ยม คือการปัดแก้มแบบแนวนอน จะช่วยทำให้ใบหน้าดูซอฟต์ลง

4. หน้ารูปหัวใจ (Heart)

รูปหน้ารูปหัวใจนั้น มีโหนกแก้มสูงและคางที่แหลม วิธีการปัดแก้มให้เหมาะกับรูปหน้าทรงหัวใจ คือการปัดแก้มแบบวนๆ บริเวณโหนกแก้ม จะช่วยทำให้ใบหน้าดูสมส่วนยิ่งขึ้น

5. หน้ารูปสามเหลี่ยม (Triangle)

รูปหน้ารูปสามเหลี่ยมนั้น มีหน้าผากกว้างและคางที่แหลม วิธีการปัดแก้มให้เหมาะกับรูปหน้าทรงสามเหลี่ยม คือการปัดแก้มแบบเฉียงลงจากโหนกแก้ม จะช่วยทำให้ใบหน้าดูสมดุลมากยิ่งขึ้น

เคล็ดลับในการปัดแก้ม

  • ควรเลือกสีบลัชออนให้เข้ากับสีผิว โดยสีที่เหมาะกับสาวผิวขาว คือ สีชมพูอ่อน สีพีช สีชมพูอมส้ม ส่วนสาวผิวสองสีและผิวแทน สามารถใช้สีบลัชออนได้หลากหลายเฉดสี เช่น สีชมพูเข้ม สีพีชอมส้ม สีน้ำตาล
  • ควรใช้แปรงปัดแก้มที่มีขนาดพอดีมือ เพื่อการปัดแก้มที่แม่นยำและเกลี่ยสีให้ดูเนียน
  • ควรลงบลัชออนแบบเบาๆ ทีละน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นตามต้องการ
  • ควรลงบรอนเซอร์บริเวณกรอบหน้าเล็กน้อย จะช่วยทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้น

เพียงเท่านี้ สาวๆ ก็สามารถปัดแก้มให้เข้ากับรูปทรงหน้าของตนเองได้แล้ว รับรองว่าใบหน้าจะดูสวยและสมส่วนมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

tag

#บิวตี้สายเกา 2567
#Howtoแต่งหน้า
#สายฝอหรือสายเกา
#Howtobeauty

Howto ปัดแก้มยังไงให้เหมาะกับตัวเอง?

การปัดแก้มเป็นขั้นตอนสำคัญในการแต่งหน้าที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับใบหน้าและทำให้ดูมีมิติมากขึ้น แต่การปัดแก้มให้สวยและเหมาะกับรูปหน้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคการปัดแก้มให้เหมาะกับรูปหน้ากันค่ะ

ปัดแก้มยังไงให้เหมาะกับตัวเอง

1. เลือกสีบลัชออนให้เข้ากับสีผิว

การเลือกสีบลัชออนให้เข้ากับสีผิวเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เพราะจะช่วยให้ใบหน้าดูสว่างและสดใสขึ้น โดยทั่วไปแล้ว สาวผิวขาวควรเลือกสีบลัชออนโทนสีชมพู พีช คอรัล หรือส้มอ่อน ส่วนสาวผิวสองสีควรเลือกสีบลัชออนโทนสีส้มอิฐ แดงอิฐ น้ำตาล หรือเบอร์กันดี ส่วนสาวผิวคล้ำควรเลือกสีบลัชออนโทนสีน้ำตาลเข้มหรือแดงเข้ม

2. เลือกรูปทรงของแปรงปัดแก้ม

รูปทรงของแปรงปัดแก้มมีผลต่อการกระจายของบลัชออนบนใบหน้า แปรงปัดแก้มทรงกลมจะช่วยให้บลัชออนกระจายตัวทั่วใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ ส่วนแปรงปัดแก้มทรงพุ่มจะช่วยให้บลัชออนกระจายตัวเป็นแนวเฉียง

@jnjennyblog มาเช็กกันว่าเรามีรูปหน้าแบบไหน? แล้วต้องปัดแก้มแบบไหนให้หน้าดูเด็ก 👶🏻 ทำตามทริคใน @Lemon8 Thailand แล้วเวิร์คมากกก #Lemon8FaceShape #Lemon8Thailand #รีวิวบิวตี้ ♬ เสียงต้นฉบับ – jnjenny Blog

3. เลือกเทคนิคการปัดแก้มให้เหมาะกับรูปหน้า

รูปหน้าแต่ละแบบมีเทคนิคการปัดแก้มที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  • หน้ารูปไข่ เป็นรูปหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด สามารถปัดแก้มได้หลายแบบ ที่นิยมคือการปัดแก้มเป็นรูปตัว C หรือรูปหัวใจ
  • หน้ากลม ควรปัดแก้มเป็นรูปตัว C โดยปัดจากโหนกแก้มเฉียงขึ้นไปทางขมับเล็กน้อย จะช่วยทำให้หน้าดูเรียวขึ้น
  • หน้าเหลี่ยม ควรปัดแก้มเป็นรูปสามเหลี่ยม โดยปัดจากโหนกแก้มเฉียงลงทางคาง จะช่วยทำให้หน้าดูอ่อนหวานขึ้น
  • หน้ายาว ควรปัดแก้มเป็นรูปวงรี โดยปัดจากโหนกแก้มเฉียงไปทางหูทั้งสองข้าง จะช่วยทำให้หน้าดูสั้นลง
  • หน้ารูปหัวใจ ควรปัดแก้มเป็นรูปตัว C โดยปัดจากโหนกแก้มเฉียงขึ้นไปทางขมับทั้งสองข้าง จะช่วยทำให้หน้าดูสมส่วนขึ้น

4. ลงบลัชออนอย่างเบามือ

การปัดแก้มควรลงบลัชออนอย่างเบามือ เพื่อให้สีบลัชออนดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูหนาหรือโป๊ะเกินไป หากต้องการเพิ่มสีสันให้กับแก้มมากขึ้น สามารถลงบลัชออนซ้ำได้อีกครั้ง

5. บรอนเซอร์ช่วยสร้างมิติให้กับใบหน้า

นอกจากบลัชออนแล้ว บรอนเซอร์ก็เป็นอีกตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น โดยควรปัดบรอนเซอร์บริเวณใต้โหนกแก้ม สันจมูก และคาง จะช่วยให้ใบหน้าดูคมชัดขึ้น

ตัวอย่างเทคนิคการปัดแก้ม

ปัดแก้มเป็นรูปตัว C

เป็นเทคนิคการปัดแก้มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับทุกรูปหน้า โดยปัดบลัชออนจากโหนกแก้มเฉียงขึ้นไปทางขมับเล็กน้อย จะช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติและสดใสขึ้น

ปัดแก้มเป็นรูปหัวใจ

เหมาะสำหรับหน้ารูปไข่ หน้ากลม หรือหน้ารูปหัวใจ โดยปัดบลัชออนจากโหนกแก้มเฉียงขึ้นไปทางขมับทั้งสองข้าง และปัดวนบริเวณสันจมูกเล็กน้อย จะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น

ปัดแก้มเป็นรูปสามเหลี่ยม

เหมาะสำหรับหน้าเหลี่ยม โดยปัดบลัชออนจากโหนกแก้มเฉียงลงทางคางเล็กน้อย จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนหวานขึ้น

ปัดแก้มเป็นรูปวงรี

เหมาะสำหรับหน้ายาว โดยปัดบลัชออนจากโหนกแก้มเฉียงไปทางหูทั้งสองข้าง จะช่วยให้หน้าดูสั้นลง

ปัดแก้มแบบผสมผสาน

สามารถใช้เทคนิคการปัดแก้มแบบต่างๆ ผสมผสานกันได้ตามต้องการ เพื่อให้ได้ลุคที่ต้องการ เช่น ปัดตัว C แล้วปัดหัวใจทับ หรือปัดตัวสามเหลี่ยมแล้วปัดวงรีทับ เป็นต้น

เคล็ดลับในการปัดแก้มให้สวย 2567

  • หากปัดแก้มแล้วรู้สึกว่าสีบลัชออนเข้มเกินไป สามารถเกลี่ยด้วยแป้งฝุ่นหรือไฮไลต์เพื่อลดความเข้มลงได้
  • ควรใช้บลัชออนเนื้อฝุ่นหรือเนื้อครีมที่มีคุณภาพดี เพื่อให้สีบลัชออนติดทนนานและเกลี่ยง่าย
  • หากปัดแก้มแล้วรู้สึกว่าหน้าดูโทรม สามารถใช้ไฮไลต์บริเวณโหนกแก้มหรือใต้ตาเพื่อช่วยเพิ่มความสว่างให้กับใบหน้า

ลองฝึกปัดแก้มตามเทคนิคต่างๆ ที่เราแนะนำไปดูนะคะ รับรองว่าคุณจะปัดแก้มได้อย่างสวยและเหมาะกับรูปหน้าของตัวเองอย่างแน่นอนค่ะ

tag

  • งบน้อยก็ปังได้
  • ติดเทรนด์
  • แต่งหน้า
  • แต่งไงได้งี้ 2024
  • หน้า
  • สวยบอกต่อ
  • สวยแบบมีความรู้
  • สวยขึ้น,
  • สวยแบบตะโกน 2567