4 วิธีลดพุงหมาน้อย สำหรับสาวมีพุงล่าง

พุงหมาน้อย หรือ Hormonal Belly คือลักษณะพุงที่มีไขมันสะสมอยู่บริเวณหน้าท้องส่วนล่าง มักพบในผู้หญิงวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ สาเหตุเกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง ทำให้ร่างกายสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดพุงหมาน้อยได้ เช่น การกินอาหารที่มีไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตสูง น้ำตาลสูง การดื่มแอลกอฮอล์ การขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น

thuốc giảm mỡ bụng của Nhật

สำหรับสาวๆ ที่มีพุงหมาน้อย สามารถทำได้ดังนี้เพื่อลดพุง

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร

เป็นวิธีที่สำคัญที่สุดในการลดไขมันหน้าท้อง โดยควรลดการกินอาหารที่มีไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตสูง น้ำตาลสูง เช่น อาหารทอด อาหารที่มีแป้งขัดสี ขนมหวาน น้ำอัดลม เป็นต้น หันมากินอาหารที่มีไขมันดี เช่น ปลา อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่ว เมล็ดพืช เป็นต้น กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มกากใยและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินทั้งร่างกาย รวมถึงบริเวณหน้าท้องด้วย แนะนำให้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้งละ 30-60 นาที เช่น การวิ่ง การว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องได้อีกด้วย

3. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น ดังนั้น ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง

4. จัดการความเครียด

ความเครียดส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกายเช่นกัน ทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น ดังนั้น ควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น ออกกำลังกาย ฟังเพลง ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังสามารถลองทำท่าออกกำลังกายลดพุงหมาน้อยได้ดังนี้

  • ท่า Crunch นอนราบกับพื้น ชันเข่า วางมือไว้ข้างลำตัว เกร็งหน้าท้อง ยกลำตัวขึ้นจนอกแตะเข่า
  • ท่า Plank นอนคว่ำหน้า วางแขนช่วงล่างและปลายเท้าลงบนพื้น เกร็งหน้าท้องให้ลำตัวตรงเป็นเส้นตรง
  • ท่า Leg Raise นอนราบกับพื้น ชันเข่า เกร็งหน้าท้อง ยกขาขึ้นตรงๆ ชันเข่าเข้าหาลำตัว

โดยควรทำท่าละ 10-15 ครั้ง 3-5 เซต ทำเป็นประจำทุกวันหรือสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง

หากทำตามวิธีข้างต้นอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้พุงหมาน้อยลดลงได้อย่างแน่นอน

ลดน้ำหนักด้วยอาหารหาได้ง่ายๆ

การลดน้ำหนักนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากเรารู้จักเลือกอาหารที่เหมาะสมและมีประโยชน์ โดยอาหารที่ช่วยลดน้ำหนักได้นั้นสามารถหาได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวันของเรา เช่น

ลดน้ำหนักกินอะไรดี 2567?

ลดน้ำหนักด้วยอาหารหาได้ง่ายๆ 2567

  • ผักและผลไม้: ผักและผลไม้เป็นอาหารที่มีกากใยสูง ซึ่งช่วยให้เรารู้สึกอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหาร และยังช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดไขมันสะสม
  • ธัญพืชไม่ขัดสี: ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ เป็นอาหารที่มีเส้นใยสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหาร และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
  • เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน: เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น อกไก่ อกเป็ด ปลา แซลมอน เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหาร และยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยเผาผลาญพลังงาน
  • ไขมันดี: ไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และยังช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นาน ซึ่งช่วยลดความอยากอาหาร

อาหารเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้นที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ หากเรารู้จักเลือกอาหารที่เหมาะสมและมีประโยชน์ เราก็สามารถลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

คำแนะนำเพิ่มเติม

1. ให้ทานตามสัดส่วนของร่างกาย ถ้าเกิดว่าไม่อิ่มหรือสารอาหาร พลังงานไม่ถึง ให้เพิ่มปริมาณเข้าไป เพราะตารางนี้อิงจากขนาดตัว น้ำหนัก สัดส่วนของกะทิเอง (หนัก 45 สูง 160)

2. ถ้าหาอาหารแบบในตารางไม่ได้ ไม่สะดวกหรือเหตุผลอื่นๆ ให้ลองหาเมนูที่มีสารอาหารใกล้เคียง เช่น ข้าว+กะเพราไก่ไข่ดาว อาจจะเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นที่มีข้าว+กับข้าวที่มีไก่ มีไข่ หรืออาจจะเป็นเนื้อสัตว์อย่างอื่น

ปรับเปลี่ยนได้ตามสะดวก ทำให้การลดน้ำหนักมันสนุกและมีความสุขที่สุดให้ได้นะคะ

ลดน้ำหนักกินอะไรดี 2567?

Tra Salacia Nhat Ban 0

การลดน้ำหนักเป็นเป้าหมายของหลายๆ คน แต่การเลือกกินอาหารที่เหมาะสมสำหรับการลดน้ำหนักนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง อาหารบางชนิดช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนานกว่าในขณะที่บางชนิดสามารถช่วยเพิ่มอัตราเผาผลาญได้ ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำอาหารที่เหมาะสำหรับการลดน้ำหนัก:

ลดน้ำหนักกินอะไรดี 2567?

โปรตีน

โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับการลดน้ำหนัก เพราะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความอยากอาหารและการกินจุกจิกได้ โปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, ปลา, ไข่, นม และถั่วต่างๆ

ไฟเบอร์

ไฟเบอร์เป็นสารอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้ แต่ช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้นานขึ้นและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น อาหารที่มีไฟเบอร์สูง ได้แก่ ผลไม้, ผัก, ธัญพืชไม่ขัดสี และโฮลวีต

ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ

ไขมันบางชนิด เช่น ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ไขมันที่ดีต่อสุขภาพได้แก่ น้ำมันมะกอก, อะโวคาโด, ถั่ว และเมล็ดต่างๆ

น้ำ

การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอนั้นเป็นส่วนสำคัญของการลดน้ำหนัก น้ำช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้นานขึ้นและช่วยเพิ่มอัตราเผาผลาญได้ การดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันเป็นเป้าหมายที่ดี

ผักและผลไม้

ผักและผลไม้มีไฟเบอร์สูงซึ่งช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้นานขึ้นและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ผักและผลไม้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย

ธัญพืชไม่ขัดสี

ธัญพืชไม่ขัดสีเป็นแหล่งของไฟเบอร์ที่ดีช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้นานขึ้นและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ธัญพืชไม่ขัดสีได้แก่ ข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต, ขนมปังโฮลวีต และพาสต้าโฮลวีต

โยเกิร์ต

โยเกิร์ตเป็นแหล่งของโปรตีนและไฟเบอร์ที่ดี ช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้นานขึ้นและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น โยเกิร์ตยังมีโพรไบโอติกซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพ

โดยรวมแล้ว การเลือกกินอาหารที่เหมาะสมสำหรับการลดน้ำหนักนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การรับประทานอาหารที่มีโปรตีน, ไฟเบอร์, ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ, น้ำ, ผักและผลไม้, ธัญพืชไม่ขัดสี และโยเกิร์ตในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดี

 

5 แอพที่คนลดน้ำหนักต้องมี 2567/ 2024

5 แอพที่คนลดน้ำหนักต้องมี

สำหรับคนที่อยากผอม ต้องการควบคุมแคลในแต่ละวันต้องนี่เลยยย ครบ จบ ในแอพเดียว

MyFitnessPal

แอปพลิเคชั่นนับแคลอรี่อันดับ 1 ช่วยให้คุณติดตามปริมาณแคลอรี่ที่คุณทานและเผาผลาญในแต่ละวัน โดยมีฐานข้อมูลอาหารที่ครอบคลุมและมีฟังก์ชั่นการสแกนบาร์โค้ดเพื่อเพิ่มอาหารได้อย่างง่ายดาย

5 แอพที่คนลดน้ำหนักต้องมี

For iOS

For Android

Lifesum

แอปพลิเคชั่นสำหรับการลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีฟังก์ชั่นการนับแคลอรี่และสารอาหารต่างๆ รวมถึงมีแผนการลดน้ำหนักที่ปรับแต่งให้เหมาะกับเป้าหมายและไลฟ์สไตล์ของคุณ

5 แอพที่คนลดน้ำหนักต้องมี

For iOS

For Android

Fitbit

แอปพลิเคชั่นสำหรับการออกกำลังกายและติดตามสุขภาพ มีฟังก์ชั่นการนับก้าว เดิน ระยะทาง และการเผาผลาญแคลอรี่ รวมถึงมีฟีเจอร์การติดตามการนอนหลับ ให้คุณดูสถิติการนอนหลับและรับคำแนะนำในการปรับปรุงคุณภาพการนอน

For iOS

For Android

Nike Training Club

แอปพลิเคชั่นออกกำลังกายจาก Nike มีคลาสออกกำลังกายฟรีมากกว่า 100 คลาส ซึ่งสอนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย คุณสามารถเลือกคลาสที่เหมาะกับเป้าหมายและระดับความฟิตของคุณได้

For iOS

For Android

5 แอพที่คนลดน้ำหนักต้องมี

ActiveArcade

แอปพลิเคชั่นออกกำลังกายที่สนุกและท้าทาย มีเกมออกกำลังกายที่หลากหลายให้เล่น ไม่ว่าจะเป็นการเต้น เคลื่อนไหวตามจังหวะ การออกกำลังกายแบบ HIIT และอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ออกกำลังกายแบบไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

For iOS

For Android

More:

App giảm cân tiếng Việt miễn phí

tag

 

ประเภทของ “สิว” พร้อมสาเหตุที่เกิดขึ้น วิธีป้องกันและรักษาที่ถูกต้อง

จากการศึกษาของพบว่า ถ้าจะให้จำแนกประเภทของสิวออกเป็นหมวดใหญ่ๆ จะสามารถแบ่งได้สองหมวด คือ สิวอุดตัน (สิวที่ไม่อักเสบ) และสิวอักเสบ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ค่อนข้างมีความแตกต่างกันนะ หลายๆ คนมักจะเรียกสิวอุดตันว่าสิวอักเสบไปด้วย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่นะ ต้องระวังการเรียกให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นสกินแคร์ที่นำมารักษา อาจรักษาไม่ตรงจุดได้ ซึ่งสิวอุดตันและสิวอักเสบจะแตกต่างกันอย่างไรนั้น เดี๋ยวมาดามเล่าให้ฟัง

kem trị mụn của Nhật Bản

‼️สิวอุดตัน (non-inflammatory acne)

สิวอุดตัน คือ สิวที่เกิดการอุดตันที่รูขุมขน หรือ คอมีโดน (comedone) แต่จะไม่มีการอักเสบร่วมด้วย สามารถแยกย่อยได้อีก 2 ชนิด คือ

1. สิวหัวดำ (Blackheads)

สิวหัวดำหรือสิวหัวเปิด เป็นสิวขนาดเล็กที่อุดตัวอยู่ในรูขุมขน ที่ทำปฏิกิริยากับสารเมลานินหรือเม็ดสีที่เซลล์ผิวหนัง ทำให้เปลี่ยนเป็นสีดำ เมื่อลูบไปโดนจะรู้แข็งๆ สากๆ ไม่มีอาการเจ็บปวด สาเหตุการเกิดส่วนใหญ่นั้นมาจากหลายสาเหตุ อาทิ ความเครียด ร่างกายผลิตไขมันมาหล่อเลี้ยงใบหน้ามากเกินไป และอื่นๆ อีกมากมาย

💡วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวดำ

– ล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ ใครที่ผิวแพ้ง่ายให้ใช้โฟมล้างหน้าที่มีความอ่อนโยน

– ล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะจับใบหน้าของตัวเองทุกครั้ง

– งดใช้โฟมล้างหน้าที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม

– หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง

– เช็ดเครื่องสำอางก่อนล้างหน้าทุกครั้ง และห้ามนอนโดยที่ยังแต่งหน้าอยู่

💡วิธีรักษาสิวหัวดำ

–  ยาบีพี (Benzoyl peroxide – BP) สามารถช่วยลดสิวอุดตันได้ในระดับปานกลาง มีอยู่หลายยี่ห้อด้วยกัน เช่น Benzac AC, Enzoxid, Brevoxyl (Water based), PanOxyl (Alcohol based), ACNEXYL (เนื้อเจล) วิธีใช้นั้นแสนจะง่าย เพียงทาให้ทั่วหน้าก่อนจะล้างหน้าในช่วงเช้า-เย็น โดยให้ทาทิ้งไว้ราวๆ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด โดยเจ้าตัวยานี้จะออกฤทธิ์ไปลดการอุดตันของต่อมไขมัน ทำให้ไขมันที่อุดตันจะถูกละลาย และสามารถกดออกมาได้โดยง่าย สำหรับใครที่เริ่มใช้ ให้เริ่มจากสูตรอ่อนโยน 2.5% ก่อนจากนั้นจึงค่อยขยับเป็น 5-10 % เมื่อใบหน้าชินกับตัวยาแล้ว

– ใช้ สกินแคร์ที่มี AHA (Glycolic acid) และ BHA (Salicylic acid) โดยเจ้า AHA จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยป้องกันการเปิดสิว และ BHA สามารถละลายไขมันในรูขุมขน ที่สามารถช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้

2. สิวหัวขาว (Whiteheads)

เป็นสิวอุดตันคล้ายๆ กับสิวหัวดำแต่สิวชนิดนี้จะไม่มีทางออกมา มีลัษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ แต่ไม่มีหัวสิว สิวอุดตันประเภทนี้มีสิทธิจะลุกลามไปเป็นสิวอักเสบได้สูงมาก เพราะฉะนั้น งด ล้วง แคะ แกะ เกา นะ แล้วก็อย่าบีบสิวด้วย

💡วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวขาว

– ใช้ผลิตภัณฑ์หรือสกินแคร์ที่ช่วยควบคุมหรือลดการผลิตน้ำมันบนผิวหน้า

– ใช้ผลิตภัณฑ์หรือสกินแคร์ที่ช่วยลดการอุนตันบนในหน้า ปรับสภาพรูขุมขน

💡วิธีรักษาสิวหัวขาว

ใช้ “เซรั่มละลายสิว” จนกว่าหัวสิวจะเปิด จากนั้นให้ทำการกดออกมา

‼️สิวอักเสบ (inflammatory acne)

สิวอักเสบสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1. สิวที่มีตุ่มนูนแดง (Papule)

สิวตุ่มนูนแดงจะมีขนาดเล็ก ไปสิวที่เริ่มอักเสบในช่วงแรกๆ หลังจากพัฒนามาจากสิวอุดตัน ไม่มีอาการเจ็บปวด

💡วิธีรักษาสิวตุ่มนูนแดง

ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน และห้ามเป็นสูตรที่มีสครับผิว เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบเพิ่ม

2. สิวหัวหนอง (Pustule)

หลายๆ คนน่าจะค้นเคยกับสิวชนิดนี้กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นกันบ่อยมากๆ โดยจะมีลักษณะตุ่มๆ แดง และมีหัวสีเหลือง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนรุนแรงกว่าแบบตุ่มนูนแดง

💡วิธีรักษาสิวหัวหนอง

– ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน และห้ามเป็นสูตรที่มีสครับผิว เพราะจะทำเกิดการอักเสบเพิ่ม

– ใช้ยาแต้มสิววันละ 2-3 ครั้ง

3. สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodule)

สิวชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง ที่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่เป็นอย่างมาก มักจะเกิดจากการกด บีบสิวตุ่มนูนแดง ทำให้แบคทีเรียและน้ำมันแตกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่อยากเป็นอย่าบีบสิวอักเสบระยะแรกอย่างเด็ดขาด

💡วิธีรักษาสิวอักเสบขนาดใหญ่

– ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน และห้ามเป็นสูตรที่มีสครับผิว เพราะจะทำเกิดการอักเสบเพิ่ม

– ใช้ยาแต้มสิววันละ 2-3 ครั้ง

4. สิวหัวช้าง (Cyst)

สิวหัวช้างเป็นสิวที่มีการอักเสบรุนแรงที่สุด เกิดในบุคคลที่มีผิวหน้าที่มันมากๆ จะมีกลักษณะเป็นตุ่มใหญ่ๆ ทั่วใบหน้า โดยมีกจะเป็นสิวอักเสบที่มาดามกล่าวมาทั้งหมด มาจับกลุ่มรวมกัน หัวสิวมักจะแตก มีเลือดและหนองใหล มันจะทำให้เกิดหลุมสิว

💡วิธีรักษาสิวหัวช้าง

สิวหัวช้างไม่ควรรักษาเอง เพราะมีสิทธิจะกลายเป็นหลุมสิวขนาดใหญ่ แนะนำว่าให้รีบไปพบแพทย์จะดีที่สุด

💡วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวอักเสบ

เนื่องจากสิวทั้ง 4 แบบเป็นสิวอักเสบเหมือนกัน ดังนั้น จึงมีวิธีการป้องกันที่เหมือนกัน ดังนี้

– ล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ ใครที่ผิวแพ้ง่ายให้ใช้โฟมล้างหน้าที่มีความอ่อนโยน

– ล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะจับใบหน้าของตัวเองทุกครั้ง

– ใช้โฟมล้างหน้าที่ควบคุมความมันบนใบหน้า และยังให้ความชุ่มชื้นกับผิวอยู่

– หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง

– เช็ดเครื่องสำอางก่อนล้างหน้าทุกครั้ง และห้ามนอนโดยที่ยังแต่งหน้าอยู่

– ระวังการเลือกแชมพูสระผม หรือห้ามให้ยาสระผมโดนหน้า เพราะบางสูตรจะมีส่วนผสมของน้ำมันที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว

– หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางในขณะที่เป็นสิว (ก่อนจะอักเสบ) หรือทาทับบริเวณที่เป็นสิว

รู้จักสิว

สิว (Acne) เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน โดยรูขุมขนประกอบด้วยต่อมไขมันและรูขุมขน เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ประกอบกับเซลล์ผิวที่หลุดลอกออกมาอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันและเซลล์ผิว กลายเป็นสิวได้

สาเหตุของสิว

สาเหตุของสิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ปัจจัยหลักๆ คือ

  • ปัจจัยภายใน ได้แก่ พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนเพศชาย และความเครียด
  • ปัจจัยภายนอก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน การใช้เครื่องสำอางที่แต่งหน้าหนาเกินไป การสัมผัสสิ่งสกปรกบนใบหน้า และการสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไป

คำแนะนำในการดูแลผิวสำหรับผู้เป็นสิว

สำหรับผู้เป็นสิว ควรดูแลผิวอย่างถูกวิธี ดังนี้

  • ล้างหน้าให้สะอาด วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีค่า pH 5.5 อ่อนโยนต่อผิว
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่แต่งหน้าหนาเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งสกปรกบนใบหน้า
  • ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป

หากเป็นสิวแล้วไม่หายหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

ตำแหน่งสิวบอกโรค ฉบับผู้หญิง

ปัญหาสิวที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักพบเจอกันเป็นประจำแต่ไม่อาจจะรู้ได้ว่าสิวที่ขึ้นบนใบหน้าแต่ละตำแหน่งเกิดจากอะไรเป็นเพราะอะไร?

ไขข้อสงสัยกันที่นี่ได้เลยค่ะ

1. สิวที่คิ้ว/ระหว่างหัวคิ้ว

ระบบภูมิคุ้มกันลดน้อยลงจากการทานอาหารที่มีไขมันมาก รสจัดมาก ดื่มแอลกอฮอล์หนัก สิวที่ขึ้นตรงนี้จะเตือนว่าระบบการทำงานของตับเราทำงานได้ไม่ปกติ หรืออาจจะมีสาเหตุมาจากการย่อยแลคโทส คือการดื่มนมแล้วไม่ย่อย กินอาหารรสจัด รวมไปถึงการกินอาหารมื้อดึกบ่อย ๆ จะทำให้เกิดสิวตรงบริเวณนี้ได้

👩‍⚕️วิธีแก้

เลือกกินเป็น นมถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ แทน, ปลาทูน่า น้ำมันตับปลา ผักใบเขียว

2. สิวที่หน้าผาก

ระบบย่อยอาหารมีปัญหา กินอาหารไม่เหมาะสม พักผ่อนไม่เพียงพอ ขับถ่ายไม่เป็นเวลา กระเพาะปัสสาวะและต่อมหมวกไต ถ้าระบบการทำงานอวัยวะต่างๆ เหล่านี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ อาจทำให้สิวขึ้นบนหน้าผากของเราได้

👩‍⚕️วิธีแก้

ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อขับถ่ายของเสียออกมา เลี่ยง กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม

3. สิวที่กกหู

สาเหตุหลักของการเกิดสิวบริเวณนั้น ๆ คือล้างแชมพูสระผมออกไม่หมด แพ้น้ำยาบำรุงผมต่าง ๆ หรืออาจเป็นเพราะสิ่งสกปรกจากโทรศัพท์เวลาแนบหูนั่นเอง ในกรณีที่ใครเป็นสิวอักเสบ ให้สันนิษฐานว่าไตของเราทำงานไม่ปกติ

👩‍⚕️วิธีแก้

ควรกินผัก ผลไม้สด ธัญพืช ดื่มน้ำมากๆ เลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป เนื้อแดง อาหารที่มีไขมันสูง

4. สิวที่แก้ม

สิวบริเวณนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือแก้มส่วนบนกับแก้มส่วนล่าง ถ้าสิวขึ้นที่แก้มส่วนบนแสดงว่าระบบไซนัส และปอดของสาว ๆ อาจกำลังมีปัญหา ส่วนใหญ่สิวตรงนี้จะเกิดขึ้นกับคนที่สูบบุหรี่ แพ้ควันบุหรี่ หรือเป็นหวัดเรื้อรัง ส่วนสิวที่ขึ้นตรงแก้มส่วนล่างบอกได้ถึงปัญหาสุขภาพช่องปาก คือเราอาจจะมีฟันผุ เจ็บเหงือก

👩‍⚕️วิธีแก้

เลี่ยงอาหารแปรรูป กินธัญพืช เนื้อปลา กินอาหารที่มีวิตามินซี นม ผักใบเขียว

5. สิวที่จมูก

เกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจ ฮอร์โมนแปรปรวน หรือมีประจำเดือน สิวตรงจมูกจะเตือนถึงอาการทางหัวใจ และระบบสืบพันธุ์ หากเป็นสิวสีแดงเปล่งปลั่ง อาจเป็นการเตือนโรคความดันโลหิตสูง หรือใครมีสิวอุดตัน สิวหัวดำเยอะ ๆ อาจบอกถึงผลกระทบจากฮอร์โมน ไม่ว่ากำลังมีประจำเดือน เข้าสู่วัยทอง หรือกินยาคุมกำเนิดนั่นเอง

👩‍⚕️วิธีแก้

เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสเค็ม ,ควรกินอาหารที่มีเส้นใย ธัญพืช

6.สิวที่ปาก/ข้างริมฝีปาก

ฮอร์โมนผิดปกติ ทานอาหารรสจัด อาหารไม่ย่อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ​​สิวตรงนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะสาว ๆ ที่อยู่ในช่วงรอบเดือน สิวมักจะขึ้นบริเวณนี้

วิธีแก้

ควรกินอาหารที่มีกากใยสูง เลี่ยงของหวาน ที่มีน้ำตาลสูง

7. สิวที่คาง

ใครสิวขึ้นที่คางแสดงว่ากระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กทำงานผิดปกติ ซึ่งส่วนใหญ่สิวตรงนี้ เกิดจากการกินอาหารรสจัดมากเกินไป

👩‍⚕️วิธีแก้

ควรกินอาหารที่มีกากใยสูง ลดกินอาหารรสจัด

8. สิวที่คอและหน้าอก

สิวที่ขึ้นบริเวณนี้มักเกิดจากความเครียด ความกังวล หมกมุ่นใจ เพราะสิวที่คอกับหน้าอกสัมพันธ์กับการทำงานของระบบสมอง หัวใจ เวลาที่สมองทำงานหนักแล้วเกิดความกดดัน กลายเป็นความเครียดก็จะทำให้หัวใจของเราทำงานหนักตามไปด้วย

👩‍⚕️วิธีแก้

ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย นั่งสมาธิ ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง หากิจกรรมช่วยคลายเครียด สิวเจ้ากรรมเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ ลดและหายไปเองค่ะ

ปัญหาสิวจะหมดไปถ้าเราใส่ใจตัวเองมาขึ้น หันมาใส่ใจดูแลตัวเองกันนะคะสาวๆ

สามารถติดตามพิกัดหรือข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ ช่องทางเฟสบุ๊ค มีสาระข้อมูลข่าวสาร มากมาย แจกวอเปเปอร์ ดวงประจำวัน และ สายมูต่างๆ

tag

 

How to ลดต้นขาลดเกือบ3นิ้ว

วิธีลดต้นขาลดเกือบ 3 นิ้ว

  1. ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการลดไขมันส่วนเกินและสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่เน้นไปที่กล้ามเนื้อต้นขา เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ หรือการกระโดดเชือก ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30-60 นาที

  1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขา

การเสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขาจะช่วยให้ต้นขาของคุณดูเรียวกระชับยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายที่เน้นไปที่กล้ามเนื้อต้นขาส่วนหน้า เช่น การนั่งย่อ (squats) การก้าวขาข้าง (lunges) และการยกขาข้าง (leg raises) ควรออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเน้นที่กล้ามเนื้อต้นขา

giảm mỡ đùi Kracie Nhật Bản

  1. ควบคุมปริมาณอาหาร

การควบคุมปริมาณอาหารเป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญในการลดไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมปริมาณอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลสูง ควรเน้นรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไขมันต่ำ

  1. นวดต้นขา

การนวดต้นขาจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและช่วยลดการสะสมของไขมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนวดแบบนวดเนื้อเยื่อเกี่ยวพันลึก (deep tissue massage) ควรนวดต้นขาเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

  1. ทดลองใช้ครีมลดเซลลูไลท์

ครีมลดเซลลูไลท์บางชนิดอาจมีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและช่วยลดการสะสมของไขมัน อย่างไรก็ตาม ครีมลดเซลลูไลท์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถลดต้นขาได้ ควรใช้ควบคู่กับการออกกำลังกายและการควบคุมปริมาณอาหาร

tag

  • ลดน้ำหนัก
  • ออกกำลังกาย
  • ลดต้นขา
  • ออกกำลังกายด้วยตัวเอง 2567
  • ออกกำลังกายง่ายๆ
  • ลดความอ้วน

Checklist อาหาร สำหรับคนลดน้ำหนัก 2567

เช็คลิสท์อาหารสำหรับคนลดน้ำหนัก 2567

ผักและผลไม้ที่มีเส้นใยสูง

เน้นรับประทานผักใบเขียว ผักกาดขาว ผักคื่นฉ่าย ผักโขม ผักคะน้า ผักแคลอรี่ต่ำ รับประทานได้อย่างจุใจ ผลไม้ที่มีเส้นใยสูง ได้แก่ ฝรั่ง แอปเปิ้ล ส้ม มะละกอ กีวี ช่วยเพิ่มกากในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น

โปรตีนไขมันต่ำ

เน้นรับประทานเนื้อไก่ไม่ติดหนัง ปลา ไม่มีมัน ปลาทูน่า เนื้อวัวไม่ติดมัน อาหารทะเลต่างๆ ไข่ต้ม นมพร่องมันเนย โยเกิร์ต น้ำเต้าหู้ ถั่วต่างๆ ช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่มท้องและกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน

ธัญพืชไม่ขัดสี

เน้นรับประทานข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวฟ่าง ขนมปังโฮลวีต มันเทศ มันฝรั่ง ข้าวโพด มีไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มท้องนานกว่าแป้งขัดขาว

ไขมันดี

เน้นรับประทานน้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันงา ถั่วต่างๆ อะโวคาโด ไข่แดง เนยถั่ว ช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่มท้องและช่วยให้ร่างกายไม่ขาดไขมัน

เครื่องปรุงรสที่ไม่เพิ่มน้ำตาล

เน้นรับประทานเกลือหรือซอสที่ไม่เพิ่มน้ำตาล เช่น ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง ซอสจิ้มไก่ที่ไม่มีน้ำตาล พริกไทยดำ น้ำมะนาว ผงกระเทียม ผงปาปริก้า ผงพริก ช่วยให้อาหารมีรสชาติอร่อยโดยไม่เพิ่มแคลอรี่

เครื่องดื่มไม่หวาน

เน้นรับประทานน้ำเปล่า ชาเขียว เก๊กฮวย กาแฟดำ น้ำผลไม้ปั่นที่ไม่ใส่น้ำตาล น้ำโซดาที่ไม่ใส่น้ำตาล เครื่องดื่มเหล่านี้มีแคลอรี่ต่ำ ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องและไม่ทำให้หิวบ่อย

หลีกเลี่ยงอาหารขยะ

เน้นรับประทานอาหารที่ปรุงเองที่บ้าน หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูป อาหารที่ใส่ผงชูรส อาหารรสจัด อาหารผัดทอดด้วยน้ำมันมากๆ อาหารหวาน อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง อาหารที่มีโซเดียมสูง อาหารที่มีน้ำตาลสูง

สูตร IF 16/8 ฉบับคนเริ่มต้นลดน้ำหนัก

สูตร IF 16/8 หรือสูตรการจำกัดการรับประทานอาหาร 16/8 เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย วิธีนี้จะเป็นการแบ่งเวลาหนึ่งวันออกเป็นสองส่วน ได้แก่ ช่วงเวลาอดอาหาร 16 ชั่วโมง และช่วงเวลาที่สามารถรับประทานอาหารได้ 8 ชั่วโมง โดยช่วงเวลาอดอาหารนั้นจะเริ่มนับหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเป็นมื้อสุดท้ายในวันนั้น จนถึงมื้อแรกของวันถัดไป โดยทั่วไป ท่านสามารถเริ่มต้น IF 16/8 ตามตารางเวลาต่อไปนี้

-ช่วงเวลาอดอาหาร 16 ชั่วโมง: 20:00 น. ถึง 12:00 น.

-ช่วงเวลาที่สามารถรับประทานอาหารได้ 8 ชั่วโมง: 12:00 น. ถึง 20:00 น.

-อาหารที่สามารถรับประทานได้ในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง: อาหารเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีน และไขมันที่ดี

ข้อดีของการใช้สูตร IF 16/8 *

  • ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ: การจำกัดการรับประทานอาหารในช่วง 16 ชั่วโมงจะช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะเผาผลาญไขมัน โดยจะช่วยลดมวลไขมันและน้ำหนักตัวได้
  • ปรับปรุงการควบคุมระดับอินซูลิน: การอดอาหารเป็นประจำจะช่วยปรับปรุงการควบคุมระดับอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง: การใช้สูตร IF 16/8 อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวานประเภท 2 และโรคมะเร็งบางชนิด

ข้อควรระวังของการใช้สูตร IF 16/8 *

ควรเริ่มต้นอย่างช้าๆ: หากไม่เคยใช้สูตร IF มาก่อน ควรเริ่มต้นอย่างช้าๆ เช่น เริ่มต้นด้วยการจำกัดการรับประทานอาหารเป็น 12 ชั่วโมง แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 16 ชั่วโมง
รับประทานอาหารที่มีคุณภาพสูง: ในช่วงเวลาที่สามารถรับประทานอาหารได้ ควรเลือกรับประทานอาหารที่สมดุลและมีคุณภาพสูง อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาอดอาหาร เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
ฟังสัญญาณจากร่างกาย: หากรู้สึกหิวมากๆ ในช่วงเวลาอดอาหาร สามารถขยายเวลาออกไปได้เล็กน้อย อย่าฝืนอดอาหารจนเกินไป
บางคนอาจประสบปัญหาสุขภาพ: เช่น ความอ่อนโยน วิงเวียนศีรษะ และปัญหาการนอนหลับ
สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรใช้สูตร IF 16/8
ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

มัดรวมวิตามินที่กินในวัย 30+

Keo Canxi Tang Truong Chieu Cao Niko Niko Cua Nhat Jpg 1583115288 02032020091448.jpg

เมื่อเข้าสู่วัย 30 ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการดูดซึมสารอาหารและการเผาผลาญที่ลดลง ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะขาดวิตามินและแร่ธาตุได้ง่าย ดังนั้นการรับประทานวิตามินเสริมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในวัยนี้

Vitamin อาหารเสริมแบบสาวญี่ปุ่น

ปัญหาที่เจอในช่วงวัยนี้หลักๆ ก็จะมี

🛁 ผิวที่โทรมไม่สดใส อันเนื่องมาจากนอนน้อยหรือเครียดจากงาน

🙎🏻‍♀️ ริ้วรอยก็คือถามหาแล้วจ้า แต่ริ้วรอยนี่เราทำหัตถการอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย ไว้จะมาแชร์ให้ฟัง ep แยกไปนะคะ

🪮 ผมที่บางครั้งเราทำสีบ้าง หนีบผม เป่าผมโดนความร้อนทำให้ผมแห้ง ถึงแม้จะบำรุงด้วย Treatment ต่างๆ บางทีก็ไม่พอ

😵‍💫 อาการอ๊อง สมองเบลอ เวลาที่งานเข้าเยอะ หรือมีความเครียดสะสม

มัดรวมวิตามินที่กินในวัย 30+

วิตามินซี

วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น

ววิตามินดี

วิตามินดีเป็นวิตามินที่จำเป็นสำหรับการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

วิตามินอี

วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคมะเร็ง

วิตามินเค

วิตามินเคเป็นวิตามินที่จำเป็นสำหรับการแข็งตัวของเลือด ช่วยรักษาบาดแผล และช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

วิตามินบี 12

วิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่จำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงและการทำงานของระบบประสาท ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางและภาวะสมองเสื่อม

แคลเซียม

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและโรคข้อเข่าเสื่อม

แมกนีเซียม

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล

สังกะสี

สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยรักษาบาดแผลและช่วยลดความเสี่ยงของโรคหวัด

ส่วนเพื่อนๆ คนไหนมีวิตามินที่ช่วยในเรื่องอะไรกินแล้วเห็นผลดี มาป้ายยากันได้นะคะ พร้อมรับเสมอ เพราะวิตามินพวกนี้ที่ซายกิน ก็โดนป้ายมาอีกทีค่ะ

tag

 

Vitamin อาหารเสริมแบบสาวญี่ปุ่น

Vien Fancl Resveratrol 0

วิตามินอาหารเสริมแบบสาวญี่ปุ่น ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้หญิงญี่ปุ่น โดยสาว ๆ ญี่ปุ่นนิยมรับประทานวิตามินเสริมเพื่อบำรุงสุขภาพและความสวยความงาม โดยเน้นไปที่วิตามินและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น

  • วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส
  • วิตามินอี ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอย
  • คอลลาเจน ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น
  • เซราไมด์ ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับผิว
  • กรดอะมิโน ช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บ
  • แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม ที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง

นอกจากนี้ สาวญี่ปุ่นยังนิยมรับประทานวิตามินเสริมเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น อาการหวัด อาการภูมิแพ้ อาการปวดประจำเดือน อาการวัยทอง เป็นต้น

วิตามินอาหารเสริมแบบสาวญี่ปุ่น มีหลายยี่ห้อให้เลือกสรร โดยยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ได้แก่

  • DHC
  • FANCL
  • KOSE
  • POLA
  • Albion

โดยสาว ๆ ญี่ปุ่นนิยมรับประทานวิตามินเสริมเป็นประจำทุกวัน โดยรับประทานตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์

ประโยชน์ของการรับประทานวิตามินอาหารเสริมแบบสาวญี่ปุ่น

การรับประทานวิตามินอาหารเสริมแบบสาวญี่ปุ่น มีประโยชน์มากมาย ดังนี้

  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย
  • ช่วยบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส เนียนนุ่ม
  • ช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บให้แข็งแรง
  • ช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น อาการหวัด อาการภูมิแพ้ อาการปวดประจำเดือน อาการวัยทอง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การรับประทานวิตามินอาหารเสริมควรรับประทานอย่างเหมาะสม ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ โดยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานวิตามินอาหารเสริมทุกครั้ง

tag

อาหารเสริม
วิตามินซี 2024
วิตามิน 2025
dhcแท้#dhc
dhcvitaminc 2567