จากการศึกษาของพบว่า ถ้าจะให้จำแนกประเภทของสิวออกเป็นหมวดใหญ่ๆ จะสามารถแบ่งได้สองหมวด คือ สิวอุดตัน (สิวที่ไม่อักเสบ) และสิวอักเสบ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ค่อนข้างมีความแตกต่างกันนะ หลายๆ คนมักจะเรียกสิวอุดตันว่าสิวอักเสบไปด้วย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่นะ ต้องระวังการเรียกให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นสกินแคร์ที่นำมารักษา อาจรักษาไม่ตรงจุดได้ ซึ่งสิวอุดตันและสิวอักเสบจะแตกต่างกันอย่างไรนั้น เดี๋ยวมาดามเล่าให้ฟัง
kem trị mụn của Nhật Bản
‼️สิวอุดตัน (non-inflammatory acne)
สิวอุดตัน คือ สิวที่เกิดการอุดตันที่รูขุมขน หรือ คอมีโดน (comedone) แต่จะไม่มีการอักเสบร่วมด้วย สามารถแยกย่อยได้อีก 2 ชนิด คือ
1. สิวหัวดำ (Blackheads)
สิวหัวดำหรือสิวหัวเปิด เป็นสิวขนาดเล็กที่อุดตัวอยู่ในรูขุมขน ที่ทำปฏิกิริยากับสารเมลานินหรือเม็ดสีที่เซลล์ผิวหนัง ทำให้เปลี่ยนเป็นสีดำ เมื่อลูบไปโดนจะรู้แข็งๆ สากๆ ไม่มีอาการเจ็บปวด สาเหตุการเกิดส่วนใหญ่นั้นมาจากหลายสาเหตุ อาทิ ความเครียด ร่างกายผลิตไขมันมาหล่อเลี้ยงใบหน้ามากเกินไป และอื่นๆ อีกมากมาย
💡วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวดำ
– ล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ ใครที่ผิวแพ้ง่ายให้ใช้โฟมล้างหน้าที่มีความอ่อนโยน
– ล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะจับใบหน้าของตัวเองทุกครั้ง
– งดใช้โฟมล้างหน้าที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม
– หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง
– เช็ดเครื่องสำอางก่อนล้างหน้าทุกครั้ง และห้ามนอนโดยที่ยังแต่งหน้าอยู่
💡วิธีรักษาสิวหัวดำ
– ยาบีพี (Benzoyl peroxide – BP) สามารถช่วยลดสิวอุดตันได้ในระดับปานกลาง มีอยู่หลายยี่ห้อด้วยกัน เช่น Benzac AC, Enzoxid, Brevoxyl (Water based), PanOxyl (Alcohol based), ACNEXYL (เนื้อเจล) วิธีใช้นั้นแสนจะง่าย เพียงทาให้ทั่วหน้าก่อนจะล้างหน้าในช่วงเช้า-เย็น โดยให้ทาทิ้งไว้ราวๆ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด โดยเจ้าตัวยานี้จะออกฤทธิ์ไปลดการอุดตันของต่อมไขมัน ทำให้ไขมันที่อุดตันจะถูกละลาย และสามารถกดออกมาได้โดยง่าย สำหรับใครที่เริ่มใช้ ให้เริ่มจากสูตรอ่อนโยน 2.5% ก่อนจากนั้นจึงค่อยขยับเป็น 5-10 % เมื่อใบหน้าชินกับตัวยาแล้ว
– ใช้ สกินแคร์ที่มี AHA (Glycolic acid) และ BHA (Salicylic acid) โดยเจ้า AHA จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยป้องกันการเปิดสิว และ BHA สามารถละลายไขมันในรูขุมขน ที่สามารถช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้
2. สิวหัวขาว (Whiteheads)
เป็นสิวอุดตันคล้ายๆ กับสิวหัวดำแต่สิวชนิดนี้จะไม่มีทางออกมา มีลัษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ แต่ไม่มีหัวสิว สิวอุดตันประเภทนี้มีสิทธิจะลุกลามไปเป็นสิวอักเสบได้สูงมาก เพราะฉะนั้น งด ล้วง แคะ แกะ เกา นะ แล้วก็อย่าบีบสิวด้วย
💡วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวขาว
– ใช้ผลิตภัณฑ์หรือสกินแคร์ที่ช่วยควบคุมหรือลดการผลิตน้ำมันบนผิวหน้า
– ใช้ผลิตภัณฑ์หรือสกินแคร์ที่ช่วยลดการอุนตันบนในหน้า ปรับสภาพรูขุมขน
💡วิธีรักษาสิวหัวขาว
ใช้ “เซรั่มละลายสิว” จนกว่าหัวสิวจะเปิด จากนั้นให้ทำการกดออกมา
‼️สิวอักเสบ (inflammatory acne)
สิวอักเสบสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. สิวที่มีตุ่มนูนแดง (Papule)
สิวตุ่มนูนแดงจะมีขนาดเล็ก ไปสิวที่เริ่มอักเสบในช่วงแรกๆ หลังจากพัฒนามาจากสิวอุดตัน ไม่มีอาการเจ็บปวด
💡วิธีรักษาสิวตุ่มนูนแดง
ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน และห้ามเป็นสูตรที่มีสครับผิว เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบเพิ่ม
2. สิวหัวหนอง (Pustule)
หลายๆ คนน่าจะค้นเคยกับสิวชนิดนี้กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นกันบ่อยมากๆ โดยจะมีลักษณะตุ่มๆ แดง และมีหัวสีเหลือง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนรุนแรงกว่าแบบตุ่มนูนแดง
💡วิธีรักษาสิวหัวหนอง
– ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน และห้ามเป็นสูตรที่มีสครับผิว เพราะจะทำเกิดการอักเสบเพิ่ม
– ใช้ยาแต้มสิววันละ 2-3 ครั้ง
3. สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodule)
สิวชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง ที่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่เป็นอย่างมาก มักจะเกิดจากการกด บีบสิวตุ่มนูนแดง ทำให้แบคทีเรียและน้ำมันแตกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่อยากเป็นอย่าบีบสิวอักเสบระยะแรกอย่างเด็ดขาด
💡วิธีรักษาสิวอักเสบขนาดใหญ่
– ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน และห้ามเป็นสูตรที่มีสครับผิว เพราะจะทำเกิดการอักเสบเพิ่ม
– ใช้ยาแต้มสิววันละ 2-3 ครั้ง
4. สิวหัวช้าง (Cyst)
สิวหัวช้างเป็นสิวที่มีการอักเสบรุนแรงที่สุด เกิดในบุคคลที่มีผิวหน้าที่มันมากๆ จะมีกลักษณะเป็นตุ่มใหญ่ๆ ทั่วใบหน้า โดยมีกจะเป็นสิวอักเสบที่มาดามกล่าวมาทั้งหมด มาจับกลุ่มรวมกัน หัวสิวมักจะแตก มีเลือดและหนองใหล มันจะทำให้เกิดหลุมสิว
💡วิธีรักษาสิวหัวช้าง
สิวหัวช้างไม่ควรรักษาเอง เพราะมีสิทธิจะกลายเป็นหลุมสิวขนาดใหญ่ แนะนำว่าให้รีบไปพบแพทย์จะดีที่สุด
💡วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวอักเสบ
เนื่องจากสิวทั้ง 4 แบบเป็นสิวอักเสบเหมือนกัน ดังนั้น จึงมีวิธีการป้องกันที่เหมือนกัน ดังนี้
– ล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ ใครที่ผิวแพ้ง่ายให้ใช้โฟมล้างหน้าที่มีความอ่อนโยน
– ล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะจับใบหน้าของตัวเองทุกครั้ง
– ใช้โฟมล้างหน้าที่ควบคุมความมันบนใบหน้า และยังให้ความชุ่มชื้นกับผิวอยู่
– หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง
– เช็ดเครื่องสำอางก่อนล้างหน้าทุกครั้ง และห้ามนอนโดยที่ยังแต่งหน้าอยู่
– ระวังการเลือกแชมพูสระผม หรือห้ามให้ยาสระผมโดนหน้า เพราะบางสูตรจะมีส่วนผสมของน้ำมันที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว
– หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางในขณะที่เป็นสิว (ก่อนจะอักเสบ) หรือทาทับบริเวณที่เป็นสิว
รู้จักสิว
สิว (Acne) เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน โดยรูขุมขนประกอบด้วยต่อมไขมันและรูขุมขน เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ประกอบกับเซลล์ผิวที่หลุดลอกออกมาอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันและเซลล์ผิว กลายเป็นสิวได้
สาเหตุของสิว
สาเหตุของสิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ปัจจัยหลักๆ คือ
- ปัจจัยภายใน ได้แก่ พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนเพศชาย และความเครียด
- ปัจจัยภายนอก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน การใช้เครื่องสำอางที่แต่งหน้าหนาเกินไป การสัมผัสสิ่งสกปรกบนใบหน้า และการสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไป
คำแนะนำในการดูแลผิวสำหรับผู้เป็นสิว
สำหรับผู้เป็นสิว ควรดูแลผิวอย่างถูกวิธี ดังนี้
- ล้างหน้าให้สะอาด วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีค่า pH 5.5 อ่อนโยนต่อผิว
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่แต่งหน้าหนาเกินไป
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งสกปรกบนใบหน้า
- ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป
หากเป็นสิวแล้วไม่หายหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง