ตอนนี้ใครทานอาหารเสริมพวกวิตามินมากกว่าหนึ่งตัวอยู่บ้างมั้ยคะ เราก็เป็นอีกคนที่ทานทั้งวิตามินบำรุงผิวหน้าและบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ แต่เพื่อนๆรู้มั้ยว่ายาหรืออาหารเสริมบางประเภทมันไม่ถูกกันเอาซะเลย!
เราเลยอยากจะมาแชร์เกร็ดความรู้เล็กๆ เกี่ยวกับการทานยาและอาหารเสริมที่ควร – ไม่ควรทานคู่กัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
ส่วนที่ละลายได้ดีในไขมัน ควรรับประทานพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมัน และถ้าต้องรับประทานวิตามินในมื้อเดียว ให้เลือกมื้อที่ใหญ่ที่สุดของวัน หรือรับประทานครึ่งหนึ่งหลังอาหารเช้า ครึ่งหนึ่งหลังอาหารเย็นก็ได้เช่นกัน
1. วิตามินเอ ดี อี หรือเค
ควรรับประทานหลังอาหารมื้อใหญ่หรือมื้อที่มีไขมันจากสัตว์หรือจากพืช หรืออาหารเสริมกลุ่มน้ำมันปลา เพราะช่วยให้วิตามินดูดซึมได้ดีในร่างกาย
2. ธาตุเหล็ก
ควรรับประทานกับวิตามินซี หรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เพราะช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น
3. แคลเซียม
ควรรับประทานกับวิตามินดี หรืออาหารที่อุดมด้วยวิตามินดี เช่น เห็ด นม ปลา ชีส เพราะช่วยให้แคลเซียมดูดซึมได้ดีขึ้นในลำไส้เล็ก
4. คอลลาเจนเปปไทด์ ชนิดโมเลกุลเล็ก
ควรรับประทานกับวิตามินซี เพราะช่วยเสริมการทำงานของกันและกันในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวพรรณ
5. โคเอนไซม์คิวเท็น
ควรรับประทานหลังอาหารมื้อใหญ่หรือมื้อที่มีไขมันจากสัตว์หรือจากพืช เพราะช่วยให้โคเอนไซม์คิวเท็นดูดซึมได้ดีในร่างกาย
ยา วิตามิน สมุนไพร และอาหารเสริมจึงเปรียบเสมือนดาบสองคม หากรับประทานร่วมกันโดยไม่ได้ระมัดระวังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ โดยไม่รู้ตัว ในปัจจุบัน เราสามารถตรวจระดับวิตามินแร่ธาตุในร่างกายได้โดยการเจาะเลือด เพื่อค้นหาวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการจริง นำไปสู่การเลือกรับประทานอาหารหรืออาหารเสริมในแบบเฉพาะบุคคล
บทความโดย นพ.ภาณุวัฒน์ พุทธเจริญ แพทย์ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
5 กลุ่ม ยา วิตามิน และอาหาร ที่ไม่ควรรับประทานร่วมกัน
1. ยารักษาเบาหวานหรือ อินซูลิน (Insulin)
ไม่ควรรับประทานกับ : มะระขี้นก ว่านหางจระเข้ โสม แมงลัก พืชตระกูลลูกซัด ผักเชียงดา และอาหารเสริมที่มีแร่ธาตุโครเมียม (Chromium)
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น : เสริมการออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดทำให้น้ำตาลลดลงมากเกินไป อาจเกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ สายตาพร่า เหงื่อออกมาก หิวบ่อย อ่อนเพลีย
2. Nifedipine, Felodipine (ยาลดความดันโลหิต) และ Simvastatin, Atorvastatin (ยาลดไขมันในเลือด)
ไม่ควรรับประทานกับ : น้ำเกรปฟรุต
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น : ทำให้ปริมาณยาสูงหลายเท่าในกระแสเลือด อาจส่งผลให้เกิดพิษจากยาได้
3. ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Aspirin, Warfarin)
ไม่ควรรับประทานกับ : น้ำมันคานูล่า (canola oil) หรือน้ำมันดอกคำฝอย (safflower oil) น้ำมันปลา (Fish oil) น้ำมันดอกอีฟนิ่ง (Evening primrose oil) ตังกุย (Dong quai), กระเทียม (Garlic), แป๊ะก๊วย (Ginkgo), ขิง (Ginger)
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น : เสริมฤทธิ์ของยาทำให้เลือดออกง่ายขึ้น หากทานปริมาณที่มาก (ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น ปรุงในอาหารได้ตามปกติ แต่ไม่ควรทานในรูปของอาหารเสริมหรือสารสกัดเข้มข้น)
4. ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Warfarin
ไม่ควรรับประทานกับ : ผักใบเขียว ยอ ชาเขียว ถั่วเหลือง บรอกโคลี และอาหารเสริมโคเอ็นไซม์คิวเท็น (Coenzyme Q10)
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น : ลดฤทธิ์ของยาหรือต้านการออกฤทธิ์ของยาทำให้ระดับยาในเลือดไม่เพียงพอต่อการรักษา
5. ยาปฏิชีวนะกลุ่ม fluoroquinolone เช่น ยา norfloxacin, ciprofloxacin และยาปฏิชีวนะกลุ่ม tetracycline
ไม่ควรรับประทานกับ : นม โยเกิร์ต หรือยาลดกรด ยาเคลือบกระเพาะอาหาร และแคลเซียม
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น : ยาสามารถเกิดสารประกอบเชิงซ้อนกับประจุบวกของธาตุแคลเซียม (ในนมและโยเกิร์ต) และแคลเซียม แมกนีเซียม อะลูมิเนียม (ในยาลดกรด) ทำให้ยาดูดซึมได้ลดลง ระดับยาในเลือดไม่เพียงพอต่อการรักษา
More: https://today.line.me/th/v2/article/YWzK3L
อะไรๆ ก็ห้ามกินพร้อมกันหมดเลยเหรอ หิวตายพอดี
ขี้เกียจกินยาจัง
ดีจัง ได้ความรู้ใหม่ๆ
ปกติกินยาพร้อมกันเยอะตลอดเลย
หมอคงว่างจัดเลยมาทำตารางนี้
ข้อมูลไม่จริง อย่าหลงเชื่อ
ขอบคุณครับที่ให้ความรู้เรื่องยาที่กินร่วมกันไม่ได้
ข้อมูลชั้นเลิศ
ทำไมอะไรๆ ก็ยุ่งยากไปหมด
ข้อมูลครบถ้วนดีครับ ขอบคุณ
ยาบางชนิดกินพร้อมกันไม่ได้จริงๆ ด้วยเหรอ น่ากลัวจัง
ก็ให้หมอสั่งแยกเวลากินไปสิ ไม่เห็นยาก
ข้อมูลผิดเพี้ยนครับ ยากินคู่กันบางชนิดก็ได้