กฎ 2.25 นิ้ว เป็นทฤษฎีการทรงผมที่คิดค้นโดย John Frieda นักออกแบบทรงผมชื่อดังจากอังกฤษ โดยกฎนี้ใช้วัดระยะจากติ่งหูลงมาถึงปลายคาง ถ้าระยะน้อยกว่า 2.25 นิ้ว ถือว่าใบหน้าเหมาะกับการตัดผมสั้น แต่ถ้าเกินกว่านั้นจะเหมาะกับผมยาว
หลักการของกฎ 2.25 นิ้ว
ใบหน้าของคนเราแต่ละคนจะมีรูปทรงที่แตกต่างกันไป การตัดผมให้เข้ากับรูปหน้าจะช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลและสวยงามยิ่งขึ้น โดยกฎ 2.25 นิ้ว จะใช้ความยาวของช่วงติ่งหูถึงปลายคางเป็นตัวกำหนดว่าใบหน้าเหมาะกับผมสั้นหรือผมยาว
ใบหน้าที่เหมาะกับผมสั้น
ใบหน้าที่เหมาะกับผมสั้นจะมีระยะจากติ่งหูถึงปลายคางน้อยกว่า 2.25 นิ้ว ใบหน้าลักษณะนี้มักจะมีเหลี่ยมมุมที่เด่นชัด เช่น หน้ารูปไข่ หน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้ารูปเพชร การตัดผมสั้นจะช่วยเน้นให้เห็นเหลี่ยมมุมของใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูกระชับและเรียวขึ้น
ใบหน้าที่เหมาะกับผมยาว
ใบหน้าที่เหมาะกับผมยาวจะมีระยะจากติ่งหูถึงปลายคางมากกว่า 2.25 นิ้ว ใบหน้าลักษณะนี้มักจะมีรูปทรงที่โค้งมน เช่น หน้ารูปกลม หน้ารูปหัวใจ การตัดผมยาวจะช่วยปกปิดเหลี่ยมมุมของใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูยาวขึ้นและเรียวลง
ตัวอย่างทรงผมสั้นที่เหมาะกับใบหน้าตามกฎ 2.25 นิ้ว
- ทรงบ็อบสั้น
- ทรงบ็อบยาว
- ทรงทรงสั้นประบ่า
- ทรงทรงสั้นสไลด์
ตัวอย่างทรงผมยาวที่เหมาะกับใบหน้าตามกฎ 2.25 นิ้ว
- ทรงผมยาวตรง
- ทรงผมยาวดัดลอน
- ทรงผมยาวดัดลอนใหญ่
- ทรงผมยาวสไลด์
ข้อควรระวัง
กฎ 2.25 นิ้วเป็นเพียงทฤษฎีในการตัดผมเท่านั้น การเลือกทรงผมที่เหมาะสมกับรูปหน้ายังต้องพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ความหนา ความหยักศกของเส้นผม สไตล์การแต่งตัว ความชอบส่วนตัว เป็นต้น
ใจความสำคัญคือการคำนวณ 2.25 นิ้วตามรูปหน้าเพื่อให้ได้ทรงผมที่เหมาะสม
ไม่รู้เรื่องเลยครับ ตัดผมไม่เป็น
กฎนี้ใช้กับทุกคนได้จริงเหรอคะ หรือมีข้อยกเว้นบางกรณี
ตัดผมให้เข้ากับรูปหน้า? แล้วถ้าหน้าไม่มีรูปร่างล่ะ ต้องทำยังไง
กฎ 2.25 นิ้วนี้ใช้ได้กับทรงผมผู้ชายเท่านั้นหรือเปล่า หรือใช้ได้กับทรงผมผู้หญิงด้วย
บทความดีมากเลยค่ะ ฉันได้ความรู้ใหม่ๆ เยอะเลย
อ๋อเหรอ ตามนี้เลยเหรอ เดี๋ยวไปตัดผมตามนี้ดีกว่า
ตัดผมให้เข้ากับรูปหน้าก็ดี แต่ต้องดูทรงผมด้วยนะ อย่าตัดสั้นเต่อจนหัวล้าน