ถึงหน้าร้อนขนาดนี้แแล้ว ใครละคะที่จะไม่ชอบใส่เสื้อผ้าสายเดี่ยว ไม่งั้นมันจะถูกเรียกว่าซัมเมอร์ได้ไงกัน! แต่ว่าก็ยังมีสาวๆอีกหลายคนที่ไม่ค่อยกล้าใส่ค่ะ เพราะไม่มั่นใจในหุ่นของตัวเอง กลัวสายตาผู้คน และกลัวว่าจะใส่ออกมาไม่ดีนั่นเอง โดยที่เทคนิคในการเลือกใส่เสื้อสายเดี่ยวที่เราเลือกมาแนะนำทุกคนในวันนี้ ก็จะมีดังนี้นะคะ

เลือกสีลิปให้เข้ากับ ผิวสีแทน

หุ่นผอมบาง

• ควรเลือกเสื้อสายเดี่ยวที่พอดีตัว ไม่หลวมหรือคับจนเกินไป
• เลือกเสื้อสายเดี่ยวที่มีดีเทลระบายหรือพองๆ เพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้กับรูปร่าง
• เลือกเสื้อสายเดี่ยวที่มีสีสันสดใสหรือลายพิมพ์ที่โดดเด่น เพื่อให้ลุคดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

หุ่นรูปนาฬิกาทราย

• ควรเลือกเสื้อสายเดี่ยวที่เข้ารูปพอดีตัว เพื่ออวดส่วนโค้งของร่างกาย
• เลือกเสื้อสายเดี่ยวที่มีดีเทลที่ช่วยเน้นส่วนเอว เช่น เสื้อที่มีสายรัดหรือเข็มขัด
• เลือกเสื้อสายเดี่ยวที่มีสีสันเรียบๆ หรือลายพิมพ์ที่ไม่ฉูดฉาดเกินไป เพื่อให้ลุคดูสง่างาม

How to เลือกสีลิปให้เหมาะกับสีผิว 2567

หุ่นแอปเปิ้ล

• ควรเลือกเสื้อสายเดี่ยวที่หลวมหน่อย เพื่อปิดบังหน้าท้อง
• เลือกเสื้อสายเดี่ยวที่มีดีเทลที่ช่วยเบี่ยงเบนสายตาจากหน้าท้อง เช่น เสื้อที่มีคอวีหรือเสื้อที่มีลวดลายที่โดดเด่น
• เลือกเสื้อสายเดี่ยวที่มีสีสันเข้มๆ หรือลายพิมพ์ที่ไม่ฉูดฉาดเกินไป เพื่อให้ลุคดูผอมเพรียวมากขึ้น

หุ่นลูกแพร์

• ควรเลือกเสื้อสายเดี่ยวที่เข้ารูปพอดีตัวบริเวณช่วงบน แต่หลวมหน่อยบริเวณช่วงล่าง เพื่อสร้างสมดุลให้กับรูปร่าง
• เลือกเสื้อสายเดี่ยวที่มีดีเทลที่ช่วยเน้นส่วนบนของร่างกาย เช่น เสื้อที่มีคอวีหรือเสื้อที่มีลวดลายที่โดดเด่น
• เลือกเสื้อสายเดี่ยวที่มีสีสันเรียบๆ หรือลายพิมพ์ที่ไม่ฉูดฉาดเกินไป เพื่อให้ลุคดูสง่างาม

เป็นไงบ้างคะทุกคน รู้สึกว่าการแต่งตัวด้วยสายเดี่ยวก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดแล้วใช่ไหมนะ?

สาวผิวแทนเป็นสีผิวที่สวยงามและโดดเด่น แต่การเลือกสีลิปอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะสีลิปบางสีอาจทำให้ผิวของคุณดูหมองคล้ำ ในขณะที่สีลิปบางสีอาจทำให้ผิวของคุณดูผ่องและเปล่งประกายยิ่งขึ้น ดังนั้น ก่อนที่สาวผิวแทนจะเลือกสีลิป ควรพิจารณาโทนสีผิวและความชอบส่วนตัวเสียก่อน

How to เลือกสีลิปให้เหมาะกับสีผิว 2567

สีลิปสำหรับสาวผิวแทน สีไหนรอดสีไหนบ้ง 2567

Neutral Nude : ลิปสีนู๊ดที่เข้ากับสีผิว คือไม่สว่างกว่าผิวนั่นไง จะลุคหวาน ลุคแซ่บก็ทาได้

แนะนำ! เลือกสีนู๊ดที่ติดโทนเหลืองนะ ปากจะได้ไม่ดูลอยจ้า

🍑Coral Orange : ลิปสีส้ม สีพีช สีส้มพีช ได้หมดเลยจะเข้มจะอ่อนได้หมด เพราะพื้นสีโทนส้ม เข้ากับผิวแทนได้ดีมากๆ

ทำให้หน้าตาดูสดใสขึ้นด้วยนะ

วิธีจัดการ ปัญหารูขุมขน 5 ชนิด 2567
🍠Mauve : ลิปสีม่วงตุ่นๆ แทนการใช้สีชมพูอ่อน สำหรับวันไหนที่อยากดูหวาน ใช้สีนี้ เกิดมาก

🍒Dark Pink Rose : ลิปสีชมพูเข้ม ติดม่วงนิดๆ ทำให้หน้าดูสว่างขึ้น ดึงดูด และหวานยั่วในคนเดียว

🍫Chocolate Brown : ลิปสีน้ำตาลช็อคโกแลต น้ำตาลเข้มๆ แซ่บลื้ม! น่าค้นหา เฟี๊ยวสุดๆ

💄Dark Red : ลิปสีแดงเข้มเลือดนก ทาแล้วเซ็กซี่ ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นกาคาบพริก

เพราะแดงนี้ทำให้ลุคเฉี่ยวขึ้น ไม่ทำให้สีผิวดูหมอง แต่ช่วยให้ลุคดูธรรมชาติกว่าแดงสด

หวังว่าสาวๆผิวแทนจะชอบกันนะคะ ลองเปิดใจทาลิปสีใหม่ๆที่ไม่เคยทาบ้าง ทำให้เรามั่นใจขึ้นนะ

เลือกสีและโทนเครื่องสำอางที่เข้ากับผิว

ผิวขาวเหมาะกับโทนสีอ่อนและสดใส เช่น สีชมพูอ่อน สีส้มพีช สีฟ้าอ่อน ผิวสีกลางเหมาะกับโทนสีธรรมชาติ เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีเบจ สีกากี สีเทา ผิวสีเข้มเหมาะกับโทนสีเข้มและเปล่งประกาย เช่น สีน้ำตาลเข้ม สีแดง สีม่วง สีทอง

1. Warm Tone

— จะมีเส้นเลือดออกไปทางโทนเขียวมากกว่า 🟩

— ผิวจะเหมาะกับสี Gold เวลาใส่เครื่องประดับสีทอง จะขับผิวมากกว่า✨🪩

—หลังออกแดดผิวออกไปทางคล้ำ

2. Cool Tone

— จะมีเส้นเลือดออกไปทางโทนสีม่วง🟪

— ผิวจะเหมาะกับสีเงิน

—หลังออกแดดผิวจะออกไปทางแดงมากกว่า

3. Neutral

—อันนี้มาจากเคสเราเอง🥹 คือเรารู้สึกว่าเส้นเลือดมันไปทั้ง 2 โทนสี แต่จะออกไปทางเขียวเยอะกว่า ถ้าดูจากส่วนอื่นด้วย

ลงรองพื้นเพื่อปรับสีผิวและปกปิดจุดด่างพร้อย

เลือกเฉดสีรองพื้นที่เข้ากับสีผิวมากที่สุด และใช้แปรงหรือฟองน้ำเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าและลำคอ เพื่อช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ปกปิดจุดด่างพร้อยต่างๆ เช่น รอยดำ รอยแดง หรือรอยสิว

ใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดจุดด่างพร้อยและรอยคล้ำใต้ตา

ใช้คอนซีลเลอร์ที่สีเข้มกว่ารองพื้นเล็กน้อย เพื่อปกปิดจุดด่างพร้อยต่างๆ ให้ดูจางลงหรือหายไป เช่น รอยดำ รอยแดง รอยสิว รอยคล้ำใต้ตา หรือถุงใต้ตา

ผิวแตกต่างกันจะดูแลอย่างไรดี!?

ปัดแก้มด้วยโทนสีที่เข้ากับสีผิว

เลือกสีปัดแก้มที่เข้ากับสีผิวและโทนการแต่งหน้าโดยรวม โดยผิวขาวเหมาะกับสีชมพูอ่อน สีส้มพีช หรือสีพีช เป็นต้น ผิวสีกลางเหมาะกับสีน้ำตาลอ่อน สีเบจ หรือสีพีช เป็นต้น ส่วนผิวสีเข้มเหมาะกับสีน้ำตาลเข้ม สีแดงเข้ม หรือสีส้มเข้ม เป็นต้น

แต่งตาด้วยโทนสีที่เข้ากับสีผิวและชุด

เลือกโทนสีอายแชโดว์ที่เข้ากับสีผิวและชุด ตัวอย่างเช่น ผิวขาวเหมาะกับโทนสีอ่อนและสดใส เช่น สีชมพูอ่อน สีส้มพีช สีฟ้าอ่อน เป็นต้น ผิวสีกลางเหมาะกับโทนสีธรรมชาติ เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีเบจ สีกากี สีเทา เป็นต้น ผิวสีเข้มเหมาะกับโทนสีเข้มและเปล่งประกาย เช่น สีน้ำตาลเข้ม สีแดง สีม่วง สีทอง เป็นต้น

เขียนคิ้วให้เข้ากับรูปหน้าและสีผม

การเขียนคิ้วเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ช่วยขับใบหน้าให้ดูเด่นขึ้น ควรเขียนคิ้วให้เข้ากับรูปหน้าและสีผม เพื่อสร้างกรอบให้กับดวงตาและใบหน้า ตัวอย่างเช่น คนที่มีใบหน้ารูปไข่สามารถเขียนคิ้วได้หลากหลายแบบ เช่น แบบโค้งมน แบบเหลี่ยม หรือแบบตรง เป็นต้น คนที่มีใบหน้ารูปหัวใจควรเขียนคิ้วให้โค้งมนและหนาขึ้นที่หางคิ้ว คนที่มีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมควรเขียนคิ้วให้โค้งมนและยาวขึ้นที่หางคิ้ว เป็นต้น

ทาลิปสติกที่เข้ากับโทนการแต่งหน้าโดยรวม

วิธีเลือกสีลิปให้เข้ากับโทนผิวขาว

🤛🏻สำหรับสาวผิวขาว คงไม่น่าหนักใจเท่าไหร่กับการเลือกลิปสติก เพราะส่วนใหญ่ทาสีไหนก็รอด เพียงแต่คุณเลือกว่าจะแต่งลุคไหน หากเป็นสาวหวานก็คงไม่พ้นเฉดสีชมพู ชมพูนม ชมพูอมแดง หากเป็นสาวเปรี้ยวก็ระบายสีแดงลงไปเลย เพียงแต่สีที่ต้องระวังคือโทนนู้ดเพราะหากเลือกไม่ดีอาจดูเหมือนคนป่วยไปเลย

son giữ màu của Nhật

วิธีเลือกสีลิปให้เข้ากับโทนผิวสองสี

🤛🏼ผิวสองสีเป็นโทนผิวที่สามารถแต่งได้หลายสไตล์ ดังนั้นลิปสติกก็มีหลายสีที่ใช้แล้วเข้ากับสีผิว เช่น โทนนู้ด อิฐน้ำตาล ส้มอมแดง ชมพูอมส้ม สีลิปสติกเหล่านี้จะขับผิวสีน้ำผึ้งของคุณให้ดูมีออร่าน่ามอง แต่หากคุณไม่อยากเป็นสาวหน้าโหด ควรลดความเข้มของสีลิปสติกและอย่าแตะต้องสีแดง หรือแดงสว่างเป็นอันขาด

วิธีเลือกสีลิปให้เข้ากับโทนผิวเข้ม

🤛🏽สาว ๆ ที่มีสีผิวโทนนี้ อาจจะดูเลือกยากสักหน่อย แต่หากได้สีลิปสติกที่ทาแล้วกลืนไปกับผิว คุณจะเป็นสาวลุคเซ็กซี่สุด ๆ ซึ่งสีที่ควรจะใช้ คือ โทนสีนู้ด สีน้ำตาล นู้ดน้ำตาล ชมพูบาง ๆ สีพีช เป็นต้น หากคอนโทรลลิปสติกสีเหล่านี้ให้แมทช์กับเครื่องสำอางชิ้นอื่น ๆ บนใบหน้า รับรองสวยปังไม่มีพังแน่นอน

ปัญหารูขุมขนกว้างเป็นปัญหาผิวหน้าที่พบบ่อย โดยเฉพาะในบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก และคาง) ซึ่งเป็นบริเวณที่มีต่อมผลิตน้ำมันมาก ทำให้รูขุมขนขยายใหญ่ขึ้นเพื่อระบายน้ำมันและสิ่งสกปรกออกจากผิว หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี รูขุมขนกว้างอาจนำไปสู่ปัญหาสิวอุดตัน สิวอักเสบ และริ้วรอยบนใบหน้าได้

วิธีจัดการปัญหารูขุมขนกว้างมีดังนี้

ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน

• • ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยน ปราศจากสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์
  • ล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง ไม่ใช้น้ำร้อนหรือน้ำเย็นจัด
  • ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น

ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว

• • เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว โดยผิวแห้งควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันโจโจ้บา หรือน้ำมันอะโวคาโด ส่วนผิวมันควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเจลหรือเนื้อน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
  • ทามอยส์เจอไรเซอร์หลังล้างหน้าหรือหลังอาบน้ำทุกครั้ง

ผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างสม่ำเสมอ

• • การผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างสม่ำเสมอจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินออกจากรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง
  • สามารถผลัดเซลล์ผิวเก่าได้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ เช่น กรดไกลโคลิค กรดแลคติก หรือกรดซาลิไซลิก การใช้แปรงทำความสะอาดผิวหน้า หรือการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดเบาๆ บริเวณใบหน้า

ปกป้องผิวจากแสงแดด

• • แสงแดดมีส่วนทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น เนื่องจากรังสียูวีทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวกระชับ
  • ป้องกันผิวจากแสงแดดโดยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่าทุกวันก่อนออกจากบ้าน
  • สวมหมวกหรือใช้ร่มเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดโดยตรง

หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดการระคายเคือง

• • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์สูง สบู่ที่มีฤทธิ์รุนแรง หรือผลิตภัณฑ์ขัดผิวที่มีเม็ดบีดส์ขนาดใหญ่
  • ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและรูขุมขนขยายใหญ่ขึ้นได้

ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

หากปัญหารูขุมขนกว้างไม่ดีขึ้นหลังจากลองวิธีต่างๆ แล้ว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
แพทย์ผิวหนังอาจแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก กรดไกลโคลิค หรือเรตินอยด์ หรืออาจแนะนำให้ทำหัตถการรักษา เช่น การเลเซอร์ การผลัดเซลล์ผิวด้วยเลเซอร์ หรือการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดขนาดรูขุมขน

ผิวของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น กรรมพันธุ์ สภาพแวดล้อม และการดูแลรักษาผิว ดังนั้นการดูแลผิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีและดูสวยงาม

1. ผิวแห้ง

ผิวแห้งมักจะขาดความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย และมีริ้วรอยได้ง่าย ผิวแห้งมักเกิดจากการที่ร่างกายผลิตน้ำมันตามธรรมชาติไม่เพียงพอ หรืออาจเกิดจากการล้างหน้าบ่อยเกินไป การใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่รุนแรงเกินไป การอาบน้ำอุ่นจัดเป็นเวลานาน และการอยู่ในสภาพอากาศแห้งเป็นเวลานาน

7 ทริคสวยขึ้ง่ายๆจนใครๆต้องหันมอง 2567
การดูแลผิวแห้งให้เหมาะสมนั้นควร

• ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนและไม่มีส่วนผสมที่รุนแรง
• อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นอุณหภูมิปกติ และไม่ควรอาบน้ำนานเกินไป
• ทาครีมบำรุงผิวหลังอาบน้ำทันทีเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว
• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม
• ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น ผลไม้ ผัก และปลาต่างๆ

2. ผิวมัน

ผิวมันมักจะผลิตน้ำมันตามธรรมชาติมากเกินไป ทำให้ผิวดูมันเยิ้มตลอดเวลา ผิวมันมักเกิดจากการที่ร่างกายผลิตน้ำมันตามธรรมชาติมากเกินไป การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม และการล้างหน้าบ่อยเกินไป

การดูแลผิวมันให้เหมาะสมนั้นควร

• ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนและมีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมัน
• ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
• ใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือกรดไกลโคลิกเพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินออกจากผิว
• ทาครีมบำรุงผิวที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
• หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
• ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน

3. ผิวผสม

ผิวผสมเป็นสภาพผิวที่มีลักษณะเป็นผิวมันบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก และคาง) และผิวแห้งบริเวณแก้ม ผิวผสมมักเกิดจากการที่ร่างกายผลิตน้ำมันตามธรรมชาติไม่เพียงพอในบางบริเวณ

การดูแลผิวผสมให้เหมาะสมนั้นควร

• ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนและไม่มีส่วนผสมที่รุนแรง
• ใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือกรดไกลโคลิกเพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินออกจากผิวทีโซน
• ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันบริเวณแก้มที่แห้ง และทาครีมบำรุงผิวที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันบริเวณทีโซน
• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม
• ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น ผลไม้ ผัก และปลาต่างๆ

4. ผิวแพ้งง่าย

ผิวแพ้งง่ายเป็นสภาพผิวที่มีความไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ ได้ง่าย เช่น สารเคมี น้ำหอม สี สารกันเสีย หรือแม้แต่สภาพอากาศ ผิวแพ้งง่ายมักมีอาการระคายเคือง ผื่นแดง คัน และอาจมีอาการบวมได้

การดูแลผิวแพ้งง่ายให้เหมาะสมนั้นควร

• ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนและไม่มีส่วนผสมที่รุนแรง
• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม สี สารกันเสีย หรือส่วนผสมอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดการแพ้
• ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผ่านการทดสอบว่าไม่ทำให้เกิดการแพ้
• ป้องกันผิวจากรังสี UV ด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป
• หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนหรือเย็นจัด และหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกะทันหัน
• ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น ผลไม้ ผัก และปลาต่างๆ

ความฉลาดของคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แต่สามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝน การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และการทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ต่อไปนี้เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้เราฉลาดขึ้นได้ 2567

1. เริ่มต้นด้วยความเชื่อมั่นว่า “ฉันฉลาดขึ้นได้!”

สิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะฉลาดขึ้นได้ก็คือการมีทัศนคติที่ดีต่อตัวเอง เชื่อว่าตัวเองสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และเติบโตได้อยู่เสมอ นักจิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า Growth Mindset ซึ่งตรงข้ามกับ Fixed Mindset ที่เชื่อว่าสติปัญญาเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก

หากเรามี Growth Mindset เราก็จะมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่กลัวที่จะท้าทายตัวเอง และพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น

2. ฝึกฝนสมองเป็นประจำ

สมองของเราเปรียบเสมือนกล้ามเนื้อ หากเราไม่ได้ใช้งานบ่อย ๆ สมองก็จะฝ่อและอ่อนแอลง การฝึกฝนสมองเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เราสามารถฝึกฝนสมองได้หลากหลายวิธี เช่น อ่านหนังสือ เล่นเกมฝึกสมอง เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือเล่นกีฬา

3. เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ

การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จะช่วยให้สมองของเราได้พัฒนาและเติบโต เราสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้หลากหลายวิธี เช่น อ่านหนังสือ ฟังบรรยาย ดูสารคดี หรือพูดคุยกับคนมีความรู้

4. กระตุ้นสมองด้วยกิจกรรมที่ท้าทาย

การทำกิจกรรมที่ท้าทายจะช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เล่นปริศนา เล่นหมากรุก หรือทำกิจกรรมศิลปะ

5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้สมองได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเอง สมองจะมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นเมื่อได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ

6. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

อาหารที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยให้สมองได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการเจริญเติบโตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7. ออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและสมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

8. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำลายสมอง

ปัจจัยที่ทำลายสมอง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และการใช้สารเสพติด ล้วนส่งผลเสียต่อความฉลาดของเรา

หากเราทำตามวิธีเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราฉลาดขึ้นและสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น